ติดโควิด 19 หรือจะสู้ติดเชื้อการเมือง

2020-06-17 11:20:45

ติดโควิด 19 หรือจะสู้ติดเชื้อการเมือง

Advertisement

แพร่ระบาดลุกลาม จากเดิมเริ่มที่พรรคพลังประชารัฐ มีคณะผู้ก่อการวางแผนยึดพรรคจากกลุ่ม 4 ยอดกุมาร

ตอนนี้สำเร็จเกินครึ่งไปแล้ว "บิ๊กป้อม" ที่เจอลูกยุจากนักเลือกตั้งจ่อคิวนั่งหัวหน้าพรรคแน่ๆ แค่รอ 3 ก.ค.นี้เท่านั้น

ส่วนเลขาธิการพรรค แม้จะมีข่าว"ชิงดำ"ระหว่างเสี่ยสันติ พร้อมพัฒน์ กับเสี่ยอนุชา นาคาศัย แต่หากจะตัดสินด้วยทุนทรัพย์ เสี่ยสันติแบเบอร์หลายช่วงตัว ที่ทำการพรรคทุกวันนี้ก็ของเสี่ยสันติ แถมยังมีข่าววงในว่ามีเงื่อนไข "ยอมถอย" แลกกับเก้าอี้รัฐมนตรีของเสี่ยแฮงค์ ยิ่งทำให้ราศีเลขาธิการพรรคคนใหม่จับไปที่หัวหน้ากลุ่มเพชรบูรณ์

พรรคที่ 2 คือประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และทีมงานอเวนเจอร์รอบข้าง ที่ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับคนในพรรคมาแล้วหลายระลอก ที่ทิ้งพรรคลาออกไปส่วนใหญ่ได้ดิบได้ดี ไปมีตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลรวมทั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจใหญ่ก็หลายคน ไปตั้งพรรคใหม่ก็มี ที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็มีอีกหลายคนเริ่มกรุยทางหาบ้านหลังใหม่รองรับเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะ ส.ส. ที่ฐานเสียงในพื้นที่แข็งโป้ก อย่างที่เห็น 5 คนดอดไปพบ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตคน ปชป. ที่ทำเนียบแบบจงใจให้เป็นข่าว

หลังจากก่อนหน้านั้น ก็มีคลื่นใต้น้ำเคลื่อนไหวล่ารายชื่อกรรมการบริหารพรรคให้ลาออกเลียนแบบ พปชร. แต่ได้ไม่ถึงกึ่งหนึ่งเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นคนในสายหัวหน้าพรรคทั้งสิ้น แม้หลายคนรวมทั้งนายจุรินทร์จะออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ระดับ "บิ๊กเนม" อย่างนิพิษฎ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ หรือวิทยา แก้วภราดัย อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข ยืนยันในเรื่องระยะห่างระหว่างหัวหน้าพรรค-เลขาฯพรรค กับคนในพรรคทั้ง ส.ส. และอดีต ส.ส. กรณีของนิพิษฎ์นั้น อาสาเป็นคนประสานให้มีการพูดคุยทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเป็นกิจลักษณะ ไม่ใช่ในเวทีประชุม ส.ส.

แม้กระทั่งถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีถกกันในวงแคบอย่างที่นิพิษฎ์เสนอหรือไม่ แต่ในวงประชุม ส.ส. ล่าสุดที่ผ่านมา กลุ่ม ส.ส. ที่ถูกมองว่าอยู่นอกวงบริวารใกล้ชิดจุรินทร์-เฉลิมชัย นำโดยสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ก็สะท้อนการละเลยช่วยเหลือ ส.ส. นอกกลุ่มในช่วงโควิด 19 และยังชี้ชัดว่า การมีรัฐมนตรีดูแลทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ รวมทั้งรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข แต่กลับปล่อยให้ พปชร. แย่งชิงผลงานไปจาก ปชป .ได้

พรรคร่วมรัฐบาลพรรคล่าสุดที่ติดเชื้อการเมืองเป็นพิษ คือพรรคพลังประชาชาติไทย ที่ "หม่อมเต่า" ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ถูกตั้งโชว์เป็นหัวหน้าพรรค ก่อนจะโดนลูกพรรครุมวิพากษ์วิจารณ์ผลงานในช่วงโควิด 19 กระทั่งเจ้าตัวซึ่งปกติแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ค่อยจะยอมใครอยู่แล้ว แม้แต่นักการเมืองสมัยที่เป็นข้าราชการและผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค

ทั้งที่ความล่าช้าในการช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 มาจากการทุจริตเช่าระบบคอมพิวเตอร์ของ สปส. หรือสำนักงานประกันสังคมที่ ป.ปช. ชี้มูลความผิดเลขา สปส. สมัยนั้น ทำให้คาราคาซังยืดเยื้อจนขาดระบบคอมพิวเตอร์ช่วยงานสำหรับเยียวยาแรงงานที่ได้รับผลกระทบ เพราะต้องใช้วิธี "อัตโนมือ" ทำให้ล่าช้าไม่ทันการ

การลาออกของ "หม่อมเต๋า" นอกจากสะท้อนภาพความขัดแย้งในพรรค รปช. จนอยู่ร่วมกันไม่ได้แล้ว ยังจะเป็นเสมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ที่จะทำให้คณะผู้ก่อการยึดอำนาจในพรรคพปชร.สามารถก้าวต่อไปถึงปลายทางที่หวังไว้ คือการปรับ ครม. ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พยายามติดดิสเบรคก่อนหน้านี้ว่า จะยังไม่มีการปรับ ครม.

เพราะเมื่อมีการเลือกหัวหน้าพรรค รปช. ใหม่ คนที่จะก้าวขึ้นไปแทนที่ย่อมมีความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะต้องมีตำแหน่งใน ครม. ในฐานะพรรคร่วมฯ และให้เผอิญว่า รปช. มีโควต้ารัฐมนตรีเพียงตัวเดียว คือกระทรวงแรงงานที่ "หม่อมเต๋า" นั่งอยู่ และโดยมารยาทแล้ว อย่างไรเสียก็ต้องลาออกอยู่ดี

ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถเลี่ยงปรับคณะรัฐมนตรีได้ แม้จะพยายามถ่วงยื้อเวลาแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องปรับอยู่ดี ซึ่งจะเข้าทางคณะก่อการยึดพรรค พปชร. ที่จะเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก่อน รปช. คือ 3 ก.ค.นี้

คนที่เป็นหัวหน้าพรรค และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเลขาธิการพรรคคนใหม่ และอาจรวมถึงตัวแทนคณะก่อการบางคน ย่อมมีสิทธิ์และอ้างความชอบธรรมที่จะเข้าไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีในการปรับ ครม. ได้

ไม่ว่าจะสวนทางกับความรู้สึกของประชาชนที่สะท้อนผ่านโพลว่าอิดหนาระอาใจกับการ "แย่งชามข้าว" ของนักการเมืองแค่ไหนก็ตาม

บอกแล้วไงครับ ติดโควิด 19 ยังรักษาได้ แต่ติดเชื้อการเมืองเป็นพิษ

รักษาไม่ได้จริงๆครับ