วิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ในภูมิภาคลาตินอเมริกา ทะลุแนวต้านสำคัญแล้ว เมื่อผู้เสียชีวิตทะลุ 70,000 คนไปแล้วเรียบร้อยในวันพุธ จากสถิติที่รวบรวมโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ ขณะที่เม็กซิโกทำสถิติมีผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุด ส่วนบราซิล ประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดในภูมิภาคนี้ ยังคงเป็นประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดในลาตินอเมริกา โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตมากกว่า 40,000 คน สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐและอังกฤษ
เม็กซิโก ประเทศใหญ่อันดับ 2 ของภูมิภาค ทำสถิติผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุด 4,883 คน รวมผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ เป็น 129,184 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 708 คน รวมเป็น 15,357 คน
องค์การอนามัยโลก แถลงว่า ลาตินอเมริกา เป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่ของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเริ่มต้นการระบาดในจีนในเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว และลุกลามเข้าสู่ยุโรปและภูมิภาคอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว
รัฐบาลทั่วโลกยอมรับแล้วว่า ตัวเลขที่แท้จริงของผู้ติดเชื้อสูงกว่าจำนวนที่แต่ละรัฐบาลประกาศมาก
ลาตินอเมริกา มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 70,972 คน ขณะที่ผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1.45 ล้านคน ขณะเดียวกัน ไวรัสยังคงระบาดอย่างรวดเร็วในเปรู, ชิลี และโคลอมเบีย
สำหรับผู้ติดเชื้อทั่วโลก อยู่ที่ 7,360,239 คน และเสียชีวิต 416,201 คน
ส่วนในสหรัฐ ข้อมูลจากการรวบรวมโดยเว็บไซต์อ้างอิง เวิลด์โอมิเตอร์ ของสหรัฐ ระบุว่า สหรัฐตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ใหม่ อีก 19,015 คน ในระยะ 24 ชั่วโมงจนถึงวันพุธ ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสม ล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 2,064,564 คน สูงที่สุดในโลก และมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้ออีก 963 คน ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดจนถึงขณะนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 115,111 คน สูงที่สุดในโลกเช่นกัน ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว มีทั้งหมด 800,939 คน