ศึกนางงาม เอ๋-บุ๋ม เรื่องไร้สาระที่น่าสนใจ

2020-06-05 15:00:28

ศึกนางงาม เอ๋-บุ๋ม เรื่องไร้สาระที่น่าสนใจ

Advertisement

ต่างฝ่ายต่างมีกองเชียร์ การปะทะคารมผ่านโลกโซเชียลของเอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรีหลายสมัย อดีตนางงามมิตรภาพจากเวทีนางสาวไทย ปี 2544 กับบุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ดารา พิธีกรและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีและนางสาวไทย ปี 2543 จึงเข้มข้นเร้าใจ กลายเป็นข่าวใหญ่ทั้งในสื่อหลักและสื่อออนไลน์

สาเหตุของเรื่องประฝีปากผ่านสื่อโซเชียล มาจากเรื่องที่ดูไร้สาระ ไม่น่าลุกลามใหญ่โต เมื่อฝ่ายหนึ่งโพสต์เสนอความเห็นเรื่องบทลงโทษคดีข่มขืน แล้วอีกฝ่ายหนึ่งไปโพสต์โต้ แถมท้ายด้วยวลี ดารามากสามี

เท่านั้นแหละเป็นเรื่องทันที มีการตอบโต้ผ่านสื่อโซเชียล นอกจากเรื่องสอนมารยาท เรื่องหมีเหม็นแล้ว ยังถึงขั้นท้าทายให้ฟ้องมาจะฟ้องกลับ อย่าคิดว่าแจ๋ว

สุดท้ายเลยเถิดไปถึง เอ๋ ปารีณาท้าบุ๋มให้ลงแข่ง ส.ส.ที่ราชบุรี พร้อมแถมท้าย ดีกว่าคุณล้านเท่ายังล้มมาแล้ว

เห็นมั๊ยล่ะครับ วิวาทะที่เกิดขึ้น จนแฟนคลับแต่ละฝ่ายตามคอมเมนต์เม้าท์มอยสนุกปาก เกิดจากอารมณ์หมั่นไส้ ไม่ชอบขี้หน้า เธออยู่ส่วนเธอ ฉันอยู่ส่วนฉัน อะไรเทือกนั้น

แต่ที่บอก "เรื่องไร้สาระแต่น่าสนใจ" เพราะสามารถสะท้อนอุปนิสัยใจคอรวมทั้งความนิยมชมชอบของแต่ละคนได้ดี และสำคัญ เชิญชวนแบบท้าทายให้เข้าสู่แวดวงการเมืองพิสูจน์บทบาทหน้าที่ ส.ส.และศรัทธาของประชาชน

เอ๋ ปารีณา ถึงจะเป็น ส.ส. สไตล์บ้านๆ ขี่มอเตอร์ไซด์ลงพื้นที่หาเสียง ทำฟาร์มไก่ ขายขี้ไก่เป็นล่ำเป็นสัน แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็เป็น ส.ส. ปากคอระราน ไม่เกรงกลัวใคร แรงมาแรงตอบ ปะฉะดะ และฟ้องร้องดำเนินคดีมาเยอะ ทั้งช่อ-พรรณิการ์ วานิช และ "3 เกลอเห่าหอน" ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์ แจ้งจับอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์-วีระ สมความคิด เรื่องที่ดินตั้งฟาร์มไก่ และอีกหลายกรณี

แต่ไม่ได้แจ้งจับตัวเอง กรณีกล่าวอ้างวลี "อีช่อ" ว่าหมายถึงคำพูดเฉพาะถิ่นแถว อ.บ้านโป่ง ว่าหมายถึงคำเรียกคนที่ไม่เคารพกฎเกณฑ์กติกา แม้นว่าคนในพื้นที่และนักประวัติศาสตร์จะออกโรงปฏิเสธว่าไม่คำนี้ในศัพท์พื้นถิ่น

ที่ผ่านมาเอ๋ปารีณา ถือเป็นหนึ่งในทีมงาน "องครักษ์พิทักษ์บิ๊กตู่" อย่างเด่นชัด มิหนำซ้ำยังไปแอ๊คชั่นกอดนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ระหว่างลงพื้นที่ราชบุรีให้สื่อถ่ายภาพ เพื่อรับประกัน "องครักษ์" ของแท้

อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มผู้คนที่สนับสนุนรัฐบาลและ "บิ๊กตู่" ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เป็น "แฟนคลับ" และหนุนเอ๋ ปารีณามาตลอด

ส่วนปนัดดามีภาพพจน์ของการเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีมายาวนาน โดยเฉพาะกรณีสตรีถูกข่มขืนที่ยังเป็นปัญหาคาราคาซังไม่รู้จบ บุ๋ม-ปนัดดา เคยเรียกร้องให้เพิ่มโทษประหารมาโดยตลอด แต่เมื่อโทษประหารกลายเป็นสิ่งต้องห้ามใน 170 ประเทศทั่วโลก บุ๋มปนัดดาก็เสนอให้ลงโทษโดยจับฉีด "เจ้าโลก" ให้ฝ่อ ซึ่งก็มีเสียงขานรับจากผู้คนจำนวนมาก

ทั้ง 2 นางงาม จึงมีกองเชียร์ที่คอยเป็น "แบ๊คอัพ" ให้กำลังใจ เมื่อมีการปะทะคารมผ่านโซเชียลเกิดขึ้น

แต่เรื่องที่เป็นผลพวงจากการท้าทายให้ลงสมัคร ส.ส. ลงเล่นการเมือง และบุ๋มปนัดดา มีท่าทีสนองตอบว่าสนใจ กำลังกลายเป็นเริ่องคนจับตาเป็นพิเศษ และแอบหวังให้บุ๋มปนัดดาลงสู่สนามเลือกตั้งจริงๆ ด้านหนึ่งเป็นเพราะ ส.ส. หญิงในสภาปัจจุบัน มีคนที่โดดเด่นเป็นที่พึ่งของผู้คนค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับในอดีต

"หญิงหน่อย" สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ปวีณา หงสกุล คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ เป็นอาทิ ไม่มีรายชื่อใน ส.ส. ชุดปัจจุบัน

จึงเป็นเรื่องดี หากจะมีคนทำงานเพื่อสังคมที่เป็นผู้หญิง และเป็นที่ยอมรับของผู้คน จะเข้าไปเดิมเต็มในส่วนนี้ แทนที่จะทนเห็นเฉพาะ ส.ส. ชายเป็นหลัก ห้ำหั่นตอบโต้ท้ทายกันในสภาเป็นสำคัญจนน่าเบื่อ

หากเปลี่ยนสตรีบ้าง นอกจากอาจช่วยลดโทน แต่งแต้มสีสันที่มีเนื้อหาสาระ เพราะโดยธรรมชาติแล้ว ผู้หญิงจะละเอียดรอบคอบกว่า และยังจะช่วยลดช่องว่าง ระหว่างนักการเมืองชายและหญิงให้มีสัดส่วนใกล้เคียงกัน อันเป็นสิทธิความเท่าเทียมด้วย

ถึงบอกว่า ศึก 2 นางงาม แม้อาจจะเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ลึกๆลงไป น่าสนใจมากครับ