ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ขู่ส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธหนักเข้าปราบม็อบที่ก่อความรุนแรง ปล้นสะดม และทำลายทรัพย์สิน กรณีการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ หลังหลายรัฐไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ในการแถลงต่อประชาชนในชาติ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศว่า เขาเตรียมส่งทหารพร้อมอาวุธหนักหลายพันนายและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าหยุดยั้งความรุนแรงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของประเทศ และให้คำมั่นด้วยว่าจะใช้มาตรการเดียวกันนี้แทรกแซงทุกเมือง หากนายกเทศมนตรีและผู้ว่าการรัฐ ล้มเหลวในการรักษาความสงบเรียบร้อยตามท้องถนน หลังเกิดเหตุจลาจลติดต่อกันหลายวัน
ทรัมป์แถลงที่สวนกุหลาบ โรสการ์เดน ในทำเนียบขาวในวันจันทร์ว่า นายกเทศมนตรีและผู้ว่าการรัฐต้องประจำการทหารและตำรวจให้มากพอ จนกว่าจะสามารถคลี่คลายความรุนแรงได้ ขณะเจ้าหน้าที่สลายผู้ประท้วงด้วยการยิงแก๊สน้ำป้องกันเท่านั้น โดยในกรุงวอชิงตัน กลุ่มผู้ก่อการจราจลบุกทำลายอนุสรณ์สถานลินคอล์น ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์แห่งชาติอเมริกาสร้างเพื่อเป็นเกียรติแก่อับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 16 และยังทำลายอนุสรณ์สถานสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกทั้งยังจุดไฟเผาโบสถ์ประวัติศาสตร์ใกล้ทำเนียบขาวด้วย
ทรัมป์ กล่าวอีกว่า หากเมืองหรือรัฐใดปฏิเสธที่จะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เขาจะสั่งประจำการทหารสหรัฐเข้าคลี่คลายปัญหานี้แทนพวกเขาเองโดยเร็ว ขณะนี้ สหรัฐถูกฉกฉวยโอกาสโดยกลุ่มผู้นิยมอนาธิปไตยและม็อบที่นิยมความรุนแรงมืออาชีพสร้างความตื่นตระหนกต่อประชาชนในชาติ ทำลายความชอบธรรมของการประท้วงอย่างสงบ กรณีการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ชายชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา
การประท้วง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสันติในช่วงกลางวัน แต่แปรเปลี่ยนกลายเป็นความรุนแรงในช่วงค่ำ ปะทุขึ้น เพื่อแสดงความไม่พอใจกรณีการเสียชีวิตของฟลอยด์ ชายผิวดำวัย 46 ปี ที่เสียชีวิตในเมืองมินนิแอโพลิส รัฐมินนิโซตาในวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังถูกตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดทับลำคอแนบกับพื้นถนนนานเกือบ 9 นาที และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ขณะนี้ มีหลายสิบเมืองทั่วประเทศ ประกาศใช้เคอร์ฟิว ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่เกิดเหตุจลาจลหลังการลอบสังหารมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักเคลื่อนด้านสิทธิพลเรือนชื่อดัง ในปี 2511 และยังมีการประจำการทหารจากกองกำลังพิทักษ์ชาติใน 23 รัฐ และในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ด้วย
มีผู้เสียชีวิต 1 คน ในเมืองหลุยสวิลล์ รัฐเคนตักกี เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งตำรวจและทหารจากกองกำลังพิทักษ์ชาติ ยิงปืนตอบโต้ ขณะพยายามสลายฝูงชน ส่วนตำรวจในชิคาโก ได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุปล้นสะดมประมาณ 10,000 สาย
ความปั่นป่วนวุ่นวาย ซึ่งเกิดขึ้นขณะที่ประเทศกำลังผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ที่บังคับใช้มานานหลายเดือนเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส เริ่มต้นขึ้นด้วยการประท้วงอย่างสงบ แต่ก็จบลงด้วยความรุนแรง
ส่วนเดเรค ชอวิน วัย 44 ปี ตำรวจผิวขาวที่ใช้เข่ากดคอของฟลอยด์ ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยไม่เจตนาและฆาตกรรมโดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่เขาก็ได้รับการประกันตัวออกไปด้วยวงเงิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ และมีกำหนดขึ้นศาลในวันที่ 8 มิถุนายนนี้