โควิด-19 คร่าชีวิตชาวอเมริกัน เกิน 100,000 คน

2020-05-28 08:05:46

โควิด-19 คร่าชีวิตชาวอเมริกัน เกิน 100,000 คน

Advertisement


ในที่สุดแล้วผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ในสหรัฐ ก็พุ่งเกิน 100,000 คน ทะลุแนวต้านสำคัญไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันพุธที่ 27 พฤษภาคม ท่ามกลางความโกลาหลในการหามาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสและการค้นคว้าพัฒนาวัคซีจากหลายประเทศทั่วโลก ขณะนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสทั่วสหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็น 100,047 คน ตั้งแต่พบผู้เสียชีวิตรายแรกในรัฐวอชิงตัน เมื่อวันที่ 21 มกราคม และผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1.69 ล้านคน คิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อทั่วโลก ซึ่งสูงที่สุดในโลกทั้งในแง่ของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต จากข้อมูลของศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงสถิติ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์

สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตจากการทำสงครามกับไวรัสโควิด-19 ศัตร์ที่มองไม่เห็น เพียงแค่ประมาณ 3 เดือนในสหรัฐ กลับมีผู้เสียชีวิตเกือบเท่ากับตัวเลขทหารและผู้หญิงสหรัฐที่เสียชีวิตในสงครามเกาหลี, เวียดนาม, อิรักและอัฟกานิสถาน รวมกัน



หลายรัฐที่มีการระบาดอย่างรุนแรง เช่นนิวยอร์ก กำลังเห็นแนวโน้มที่ดีในการลดลงของอัตราการเสียชีวิต แต่ประมาณ 20 รัฐ มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นตลอดสัปดาห์จนถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

นิวยอร์ก ซิตี้ บ้านเกิดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากไวรัส มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 21,000 คนจนถึงขณะนี้ ในช่วงที่วิกฤตอยู่ในระดับสูงสุดนั้น ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันในนิวยอร์ก ซิตี้ อยู่ที่หลายร้อยคน โรงพยาบาลรับผู้ป่วยจนล้นทะลักและสถานที่เก็บศพชั่วคราวถูกสร้างขึ้นนอกโรงพยาบาล เนื่องจากที่เก็บศพไม่เพียงพอ



ทรัมป์ ยืนยันว่า หากไม่มีมาตรการของรัฐบาล ตัวเลขผู้เสียชีวิตจะสูงกว่านี้มาก แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาเขาว่า ปฏิบัติการรับมือกับการระบาดของไวรัสล่าช้าก็ตาม โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เขากล่าวว่า ผู้เสียชีวิตอาจสูงกว่านี้ 25 เท่า แต่ในช่วงแรกของการระบาด ทรัมป์ไม่ได้ให้ความสนใจกับอันตรายจากไวรัส พร้อมทั้งยังเปรียบเทียบกับไข้หวัดตามฤดูกาลด้วยซ้ำ ย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ เขากล่าวว่า สหรัฐสามารถควบคุมไวรัสได้แล้ว และภายในเดือนเมษายนนี้ ไวรัสอาจหายไปเองอย่างน่าอัศจรรย์

ทรัมป์ยังเคยคาดการณ์ว่า จะมีผู้เสียชีวิตในสหรัฐ 50,000-60,000 คน จากนั้นก็ขยับมาเป็น 60,000-70,000 คน และอีกครั้งไม่ถึง 100,000 คน ทรัมป์ยังกล่าวเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมาด้วยว่า เหมือนได้รับ “เหรียญตราแห่งเกียรติยศ” ที่สหรัฐมีผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในโลก เพราะนั่นหมายความว่า การตรวจหาเชื้อไวรัสในประเทศดีขึ้นมาก

นอกจากนี้ จากวิฤตไวรัส ยังทำให้ชาวอเมริกันเกือบ 39 ล้านคนตกงานด้วย

ส่วนในอเมริกาใต้ ไวรัสมรณะระบาดลุกลามอย่างหนักในหลายประเทศลาติน อเมริกา ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงกว่ายุโรปและสหรัฐไปแล้ว



แคริสซา เอเทียนเน ผู้อำนวยการองค์การสาธารณสุขแพน อเมริกา ที่มีสำนักงานอยู่ในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา กล่วว่า มีความวิตกกังวลอย่างยิ่งกับผู้ติดเชื้อรายใหม่ในบราซิลที่มีรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าสูงสุดต่อเนื่อง 7 วัน ตั้งเริ่มต้นการระบาด ขณะที่ทั้งเปรูและชิลี ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นว่า การแพร่เชื้อยังอยู่ในอัตราเร่งในประเทศเหล่านี้

บราซิล รายงานว่า ผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดในโลกติดต่อกัน 5 วัน เพิ่มเป็น 25,589 คน และติดเชื้อพุ่งเป็นมากกว่า 411,821 คนแล้ว วิกฤตไวรัสยังจุดชนวนให้เกิดวิกฤตทางการเมืองในประเทศใหญ่สุดในลาตินอเมริกาด้วย ซึ่งประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำฝ่ายขวาของบราซิล ไม่สนใจเรื่องภัยคุกคามจากไวรัส และขัดแย้งกับบรรดาผู้ว่าการรัฐต่าง ๆ ที่เรียกร้องให้ประชาชนพักอยู่ที่บ้าน หรือ stay-at-home เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส แต่นายโบลโซนาโรคัดค้าน

โควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปแล้วมากกว่า 354,000 คน และติดเชื้อมากกว่า 5.69 ล้านคน ตั้งแต่ปรากฏขึ้นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีนในช่วงปลายปีที่แล้ว