"กนก"ชี้ฟื้นฟูกิจการ "การบินไทย" เสมือนยกเครื่องให้กลับไปอยู่ในสภาพที่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร คลังสมอง วปอ.เพื่อสังคม จัดงานเสวนา “ปัญหาและความลึกลับใต้ภูเขาน้ำแข็งการบินไทย” นายกนก อภิรดี อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวกับทีมข่าวนิว18 ว่าการบินไทยที่กำลังจะเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการภายใต้กฎหมายล้มละลาย เป็นสิ่งที่ผู้บริหารแผนต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วครบถ้วนเพื่อให้ภารกิจสามารถดำเนินการเป็นขั้นที่หนึ่ง อย่างไรก็ตามการฟื้นฟูกิจการที่จะทำนี้ไม่ได้จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จหมดแต่ต้องประกอบด้วยขั้นตอน 3-4 ขั้นตอน โดยเริ่มจากขั้นตอนฟื้นฟูกิจการซึ่งเป็นเรื่องทางเทคนิคที่ต้องมีผู้ชำนาญการทางเทคนิคมาดำเนินการร่วมกับเจ้าหนี้และฝ่ายบริหาร สองคือการบินไทยต้องพิจารณาว่ามีปัญหาและจุดอ่อนอย่างไรเพื่อแก้ไข เสมือนการ “ยกเครื่อง” เพื่อให้กลับไปอยู่ในสภาพที่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้ สามคือ จะทำอย่างไรให้การบินไทยสามารถเพิ่มสมรรถนะในการแข่งขันและนำมาซึ่งการหารายได้ การบินไทยต้องตอบโจทย์ให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าจะก้าวต่อไปเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร ส่วนการพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจนั้นเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องตัดสินใจไม่ว่าจะโดยนิตินัยหรือพฤตินัยเพราะบางสายการบินที่เคยเข้าสู่สภาวะของการฟื้นฟูและใกล้ล้มละลาย และเชื่อว่าการที่รัฐบาลเลือกใช้วิธีนี้เป็นทางออกที่เห็นพ้องต้องกันที่สุด
ด้าน พล.อ.อรัญ ชมไพศาล ประธานกลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วปอ.กล่าวว่า เชื่อว่าการตัดสินใจของรัฐบาลครั้งนี้เกิดจากปัญหาต่างๆที่ทราบกันอยู่แล้วในการบินไทย ขณะนี้กระทรวงคมนาคมไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กระทรวงการคลังยังคงเป็นผู้ถือหุ้น 48 เปอร์เซ็นต์ เพราะการบินไทยยังต้องการการซัพพอร์ตจากกระทรวง ขณะเดียวกันสถานะของการบินไทยตอนนี้เปลี่ยนจากรัฐวิสาหกิจเป็นองค์กรเอกชนรัฐจึงไม่จำเป็นต้องไปซัพพอร์ตอะไร การบินไทยจึงต้องอยู่ในฐานะที่มีการแข่งขันเป็นการบังคับให้เก่งขึ้นเชื่อว่าคนไทยเก่งและสามารถออกจากวิกฤตินี้ได้ มองว่าต้องเปลี่ยนคนที่จะเข้ามาบริหารการบินไทยให้เป็นมืออาชีพเก่งจริงๆและไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไร มองว่าการใช้วิธีเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของรัฐบาลนั้นคิดถูกแล้ว เพียงแต่ต้องไปให้ถูกทาง “Put the right man on the right job ต้องใช้คนให้ถูกกับงาน หรืออีกนัยหนึ่งคือ การใช้คนให้ถูกกับงานนั้นผู้ใช้จะต้องเป็นผู้ที่เหมาะสมกับงานตั้งแต่ต้นจึงจะสามารถเลือกคนที่เหมาะสมกับงานมาช่วยบริหารประเทศ