จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งเกิน 5 ล้านคนแล้วเมื่อวันพุธ โดยมีลาตินอเมริกา แซงหน้าสหรัฐและยุโรปในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว กลายเป็นภูมิภาคที่มีผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุดในโลก บราซิลมีสถิติผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขบราซิลประกาศในวันพุธว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19,951 คน รวมผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ 291,579 คน เป็นจำนวนที่สูงที่สุดมากกว่าตัวเลขเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นอีก 888 คน รวมเป็น 18,859 คน
ลาตินอเมริกา กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่แล้วต่อจากจีน, ยุโรปและสหรัฐ มีผู้เสียชีวิตทั่วภูมิภาคกว่า 91,000 คน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตทั่วโลก ขณะที่ ยุโรปและสหรัฐ มีผู้เสียชีวิตคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในบราซิล จนแซงหน้าเยอรมนี, ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร กลายเป็นประเทศที่ 3 ที่มีผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในโลก รองจากสหรัฐและรัสเซีย
ด้านนายทีโดรส อัดฮานอม กีเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ แถลงข่าวในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันพุธว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาที่มีรายงานมายังดับเบิลยูเอชโอ นั้น สูงกว่าทุกวันที่ผ่านมาตั้งแต่ไวรัสโควิด-19 เริ่มต้นระบาด โดยมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 106,000 คน สูงสุดในวันเดียว เกือบ 2 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ใน 4 ประเทศ คือสหรัฐ, รัสเซีย, บราซิลและอินเดีย เขาย้ำด้วยว่าหนทางยังอีกยาวไกลกว่าจะควบคุมไวรัสมรณะได้
จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในบราซิล ขณะนี้ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด อยู่อันดับ 2 เป็นรองแค่สหรัฐเท่านั้น
จากข้อมูลที่รวบรวมโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อ 41 รายแรกในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ต้นตอการระบาดของไวรัส เมื่อวันที่ 10 มกราคม ถึงวันที่ 1 เมษายน ผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มเป็น 1 ล้านคนแรก จากนั้นก็เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 ล้านคนในทุก ๆ 2 สัปดาห์ จนถึงขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อพุ่งเกิน 5 ล้านคนแล้ว
เมื่อเทียบกันกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลแล้ว แค่เวลา 6 เดือนไวรัสโควิด-19 ก็ระบาดรุนแรงกว่าไข้หวัดใหญ่ ซึ่งองค์การอนามัยโลกประเมินว่า มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกในแต่ละปีประมาณ 3-5 ล้านคน
ไวรัสโควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกแล้วมากกว่า 326,000 คน แม้ว่าตัวเลขที่แท้จริงเชื่อว่าน่าจะสูงกว่านี้ เพราะการตรวจหาเชื้อยังคงเป็นไปอย่างจำกัด และหลายประเทศก็ไม่ได้นับรวมผู้เสียชีวิตนอกโรงพยาบาล โดยครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตทั่วโลก อยู่ในยุโรป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ก็ยังมีหลายประเทศที่เริ่มเปิดโรงเรียนและสถานที่ทำงานแล้ว หลังจากล็อคดาวน์มานานหลายสัปดาห์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส และตลาดการเงินก็ได้รับอานิสงส์เล็กน้อยจากผลการทดลองวัคซีนป้องกันไวรัสกับคนครั้งแรกในสหรัฐ