วันที่ 20 พ.ค.63 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19รายใหม่คนเดียว ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ผู้ป่วยสะสม 3,034 ราย คนที่หายเพิ่ม 37 กลับบ้านแล้ว 2,888 ราย ยังรักษาตัวในโรงพยาบาลมีแค่ 90 ราย
ผู้ติดเชื้อหนึ่งเดียวของวันนี้ ไม่มีอาการ พักอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งที่กรุงเทพซึ่งเป็นสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้ เป็นเชฟชายไทยอายุ 45 ปี เดินทางกลับจากประเทศบาห์เรน เป็นการตรวจพบระหว่างการกักตัว
แต่อย่างไรก็ตาม คนไทยส่วนใหญ่ได้สร้างวิถีปกติใหม่ให้ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกว่า เบื้องหลังความสำเร็จทางการแพทย์ และการป้องกันการติดเชื้อรายใหม่ เป็นผลจากความร่วมมือร่วมใจของคนทั้งประเทศ ดังรายงานจากการสำรวจพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19ของประชาชน 6 ประเทศกลุ่มอาเซียน คือสิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซียและไทย จากกลุ่มตัวอย่าง 13,000 ราย พบว่า คนไทยมีพฤติกรรมการใส่หน้ากากอนามัยและการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์สูงสุดในอาเซียน ใสหน้ากากอนามัยร้อยละ 95 ล้างมืออีกร้อยละ89 รายงานล่าสุด ยอดสะสมตั้งแต่เริ่มโครงการ ถึงใกล้เที่ยงวันนี้ มีร้านค้าลงทะเบียน 67,904 ร้าน ผู้ใช้งาน 5,077,0978 คน มีผู้ใช้บริการ เช็กอิน 8,584,803 ครั้ง เช็กเอาต์ 6,359,921 ครั้ง ตัวเลขเช็กเอาต์ต่ำกว่าหมายความว่าลูกค้าที่เข้าแล้ว ขาออกไม่ได้สแกนคิวอาร์ถึง 2,224,882 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 25
ถึงจะมีแค่นั้น แต่คนไม่เคยก็ไม่กล้า ทางห้างฯแก้ปัญหา เอาคนมาคอยจัดการหรือให้จดลงกระดาษบันทึกที่เตรียมไว้ ซึ่งต้องรอคิวกันรอบละหลายคน
ที่จะให้เช็กเอาต์ก็ไม่อยากทำ เพราะอยู่จุดเดียวกับการเช็กอิน ที่มีคนยืนออรอกันอยู่ ก็ออกไปเฉยเลยนะซี อันนี้ เห็นทีจะต้องทำให้การสแกนเช็กอิน เช็กเอาต์ เอาให้ง่ายเข้าไปอีก ยกส่งแล้วก็จบก็น่าจะพอ ประชาชนให้ความร่วมมือมากมายขนาดนี้ ช่วยหาวิธีทำให้ง่าย ยิ่งกว่าความง่ายที่มีก็คงจะดี รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า เท่าที่กิจการและชาวบ้านทั่วไปให้ความร่วมมือ ประกอบกับการผ่อนคลายหนล่าสุดผ่านมา 2-3 วันสถานการณ์ก็ยังเดินหน้าตามกรอบเกณฑ์ที่กะไว้
ข้อมูลในประเทศเห็นแล้ว ถึงไม่กล้าวางใจ ก็รู้สึกผ่อนคลายทั่วกัน ครั้นดูสถานการณ์โลก ยอดติดเชื้อสะสมแตะ 5 ล้านราย เสียชีวิตไปแล้วกว่า 3.2แสน ประเทศที่เคยจัดการได้ดี กลับมีปัญหาการระบาดซ้ำ หลายประเทศทางตะวันตกอัตราการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ในเอเชีย ประเทศอิหร่านขึ้นไปติดหนึ่งในสิบ อินเดียอยู่ลำดับที่ 11
น่าสงสัยว่า อนาคตต่อจากนี้ หากจะเปิดประเทศ ให้เศรษฐกิจกระเตื้องจากแขกเมืองและการค้าขายนำเข้า ส่งออก นั้น นิวนอร์มอลของเราจะออกรูปไหน
ในช่วงการผ่อนคลายระยะที่สอง ให้ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า เปิดขายได้โดยขอให้ลงทะเบียนแพลตฟอร์ม”ไทยชนะ” เอาคิวอาร์โค้ดแปะหน้าห้าง ลูกค้าเข้าไปแล้วจะแวะร้านไหน ก็ยังมีคิวอาร์อีกแผ่นให้ผู้ใช้บริการยกโทรศัพท์มือถือสแกนเช็กอินและเช็กเอาต์
เดินเข้าห้างสแกนที ต่อไปร้านอาหารอีกสักที เสร็จแล้วมาต่อร้านขนม ร้านกาแฟ ก็ยกโทรศัพท์มาส่องกันทุกรายการ ตอนเข้าเช็กอิน ตอนออกก็ต้องเช็กเอาต์
อยากรู้ว่าสาเหตุที่ไม่เช็กเอาต์เพราะอะไร ไปลองยืนดูพบว่า ลูกค้าที่คุ้นกับการใช้มือถือแชตหากันทั้งวี่วัน อาจไม่คุ้นกับการสแกนคิวอาร์โค้ด เพราะเอาเข้าจริง ไม่ใช่ยกส่องแล้วจะผ่านทันที แต่จะมีชื่อเว็บไซต์ให้คลิกลงไปแจ้งเช็กอิน กรอกเบอร์โทรศัพท์
หลายคนขยาด ที่ขี้เกียจต่อแถว แอบเดินเข้าไปดื้อ ๆ ก็มี
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็ไม่ได้เพิ่มให้ตกใจ สัญญาณการผ่อนผันระยะถัดไปจึงเห็นแววชัดขึ้น รอบหน้าถึงเวลาคนขี้เมื่อยจะได้ผ่อนคลาย ร้านนวดตัวน่าจะได้ไฟเขียว ทำตัวดี ๆ ให้เสมอต้นเสมอปลายต่อไปอีกอึดใจนะ
คงมีที่เช็กอินใหม่ ๆเพิ่มได้อีก