ผลชันสูตรซากช้างป่าล้มตายริมสวนยางพาราระบุชัดถูกไฟฟ้าช็อต งาไหม้จนแตก ตำรวจดำเนินคดีเจ้าของสวนทำผิด พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่า
เมื่อ วันที่ 18 ก.ย. พ.ต.อ ประเสริฐศักดิ์ บุญศร ผกก.สอบสวน ภ.จว.จันทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ. พรรษา โกศลานันท์ ผกก.สภ.แก่งหางแมว สัตวแพทย์หญิงกิรณา นรเดชานนท์ พร้อมทีมสัตวแพทย์สัตวบาล ประจำส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.2 (ศรีราชา) ร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบและผ่าชันสูตรซากช้างป่าที่ล้มตายอยู่ริมสวนยางพาราของ นายโอภาส สมสกุล อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 บ้านเขาฆ้อง หมี่5 ต.พวา อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี พบว่า ช้างป่าที่ล้มตายเป็นเพศผู้ อายุประมาณ 15 ปี น้ำหนักประมาณ 3,000 กิโลกรัม มีงาซ้ายยาวประมาณ 9 เซนติเมตร บริเวณปลายงวงด้านซ้ายพบรอยแผล 6 แห่ง ไหล่ซ้าย 1 แห่ง
จากการผ่าพิสูจน์ไม่พบกระสุนปืน ลักษณะบาดแผลคล้ายรอยถลอกไม่ลึกมาก งวงด้านขวาพาดทับเส้นลวดและโดนเส้นลวดบาดเป็นแผลลึกประมาณ 10 เซนติเมตร งาด้านขวาพบรอยไหม้ดำ และมีการแตกของเปลือกงา ทีมสัตวแพทย์ได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างอวัยวะภายใน ได้แก่ หัวใจ ปอด ตับ ม้าม และอาหารในกระเพาะอาหาร เพื่อตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการต่อไป หากไม่พบเชื้อโรคที่สำคัญ หรือสารพิษในกระเพาะอาหาร อาจสรุปสาเหตุการตายได้ว่า ช้างป่าตัวดังกล่าวถูกไฟฟ้าช็อตจนถึงแก่ความตาย ตามรอยโรคภายนอกที่ตรวจพบ จากนั้นได้ร่วมกันฝังกลบซากช้างป่า ตามหลักวิชาการ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค เนื่องจากซากช้างป่าดังกล่าวเน่าเสียเร็ว
ด้าน พ.ต.อ ประเสริฐศักดิ์ บุญศร ผกก.สอบสวน ภ.จว.จันทบุรี เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า อ.แก่งหางแมว ทำการตรวจสอบ ภายในบ้านพักคนงานของ นายโอภาส เจ้าของสวนยางที่เกิดเหตุ พบว่า มีการใช้สายไฟฟ้า ต่อพ่วงไฟบ้านขนาด 220 โวลต์ เข้ากับเครื่องชาร์จไฟแบตเตอร์รี่ และพ่วงเข้ากับกล่องจ่ายกระแสไฟฟ้าสลับ ก่อนที่จะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกไปตามเส้นลวด ที่ขึงเป็นรั้วรอบสวนยาง ขนาด 220 โวลต์เท่าเดิม ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นได้แจ้งข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่า ล่า หรือ พยายามล่าสัตว์ป่าสงวน โดยการรับโทษขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ซึ่งจะพิพากษาตามประจักษ์พยานหลักฐาน ในขั้นตอนต่อไป
ขณะที่นายโอภาส ยอมรับว่า ได้ไปซื้ออุปกรณ์ปล่อยกระแสไฟฟ้าสลับ มาติดตั้งขึงเป็นรั้วรอบสวนยางพารา เพื่อไล่ช้างจริง เนื่องจากบริเวณดังกล่าว มีช้างป่าเข้ามาหากินบ่อยครั้ง แต่ไม่คิดว่ากระแสไฟฟ้าที่ปล่อยออกไปนั้นจะมีความรุนแรงถึงขนาดทำให้ช้างล้มตายได้ เป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
