เจ้าของอู่ถอนแจ้งความ หลังลุงแท็กซี่โอนเงินใช้หนี้

2020-05-13 16:30:31

เจ้าของอู่ถอนแจ้งความ หลังลุงแท็กซี่โอนเงินใช้หนี้

Advertisement

เจ้าของอู่แท็กซี่เข้าพบตำรวจถอนแจ้งความแล้ว หลังลุงสิทธิชัย ให้เพื่อนโอนเงินมาใช้หนี้

จากกรณีที่นายปรีชา ชุ่มสมบัติ เจ้าของอู่แท็กซี่ ได้ออกมาแฉพฤติกรรมของลุงสิทธิชัย ใกล้ชิด อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่ ที่ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่ารายได้มันหดหาย ชีวิตเหมือนในหนังในละคร และตอนนี้ก็ไม่มีกินแล้วจึงต้องผันตัวมาส่งของพัสดุ ที่มีการโพสต์อยู่บนโลกโซเชียล และมีคนแห่บริจาคช่วยภายในคืนเดียวมียอดเงินบริจาคมากกว่า 8 ล้านบาท ส่วนที่นายปรีชา ออกมาขอความเป็นธรรมเนื่องจากลุงสิทธิชัย และลูกชาย ติดค้างค่าเช่ารถแท็กซี่อยู่จำนวน 14,970 บาทไม่ยอมจ่ายคืนให้ ตนให้โอกาสมาตั้งแต่วันแรกมาลุงสิทธิชัย ได้รับเงินบริจาค มาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการชดใช้ ติดตามที่บ้านก็ไม่พบตัวติดต่อโทรศัพท์ก็ไม่ได้ เมื่อวันวานจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมือง สมุทรปราการ

ล่าสุดเมื่อช่วงสายของวันนี้ที่ 13 พ.ค.ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วินรถแท็กซี่ ภายในลานจอดรถห้างโลตัสบางปู ซึ่งลูกชายของลุงสิทธิชัย ขับอยู่เพื่อสอบถาม แต่กลับได้รับแจ้งจากเพื่อนร่วมวินว่าโดยส่วนตัวแล้วรู้จักกับลุงสิทธิชัย แต่ลุงสิทธิชัย ไม่ได้ขับอยู่ที่วินนี้มีเพียงลูกชายแกที่มาขับเท่านั้น แต่ก็ขับได้ประมาณครึ่งเดือน หลังจากที่มีคนบริจาคเงินมาช่วยลุงสิทธิชัย ลูกแก่ก็ไม่ได้มาขับแท็กซี่ที่วินอีกเลย




ด้านนายลาภิษ เพชรแย้ม อายุ 48 ปี คนสนิทลูกชายลุงสิทธิชัย ได้เล่าว่า หลังจากวันที่ทราบข่าวว่าลุงประสิทธิ์ ผู้เป็นพ่อเขาได้รับเงินบริจาคมาก็ไม่เคยเห็นเขาอีกเลยและได้ข่าวว่าเขาเอารถไปคืนที่อู่แล้วก็หายตัวไปเลย และล่าสุดได้ยินข่าวจากเพื่อนที่ขับแท็กซี่ว่าได้พบเห็นลุงสิทธิชัย ขับรถแท็กซี่ป้ายแดงไปเติมก๊าซอยู่ในย่านคลองขุดบางพลี และในหมู่บ้านพฤกษา 15 ลุงแก่กลายเป็นคนดังใคร ๆ ก็รู้จักแก ล่าสุดก็ไม่มีใครติดต่อแกและลูกชายแกได้

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. นายปรีชา ชุ่มสมบัติ อายุ 49 ปี เจ้าของอู่แท็กซี่ ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อถอนแจ้งความแล้วหลังจากที่ลุงสิทธิชัย ได้ให้เพื่อนสนิท โอนเงินจำนวน 15,000 บาทเข้ามาใช้หนี้ในบัญชีของลูกชาย แต่นายปรีชา ได้โอนเงินส่วนเกินจำนวน 30 บาทคืนกลับเข้าไปในบัญชีที่โอนมา เนื่องจากทั้งสองค้างค่าเช่าตนเพียงแค่ 14,970 บาท หลังจากนั้นได้เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมือง สมุทรปราการ เพื่อถอนแจ้งความ เพราะเรื่องของตนและลุงสิทธิชัย กับลูกชายจบแล้ว ส่วนเรื่องอื่นตนไม่ขอเกี่ยวข้อง