ดราม่าสนั่น "ผู้กองเบนซ์"บอกผมเกือบเป็นตุ๊ด

2020-05-08 13:20:04

ดราม่าสนั่น "ผู้กองเบนซ์"บอกผมเกือบเป็นตุ๊ด

Advertisement

ดราม่าสนั่นคลิป "ผู้กองเบนซ์"บอกผมเกือบเป็นตุ๊ด หลังเข้าไปเรียน ม.ดัง เพื่อนผู้ชายน้อย ถ้าไม่ตัดสินใจลาออกมาก่อนเป็น "อีเบนซ์"แน่  ด้านชมรม“นะจ๊ะ อักษรฯ”ออกมาคัดค้านทันที

กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโลกออนไลน์ สำหรับคลิปวิดีโอของ “ผู้กองเบนซ์”ที่ออกมาระบุว่า ผมเกือบเป็นตุ๊ด นะเว้ย ผมเกือบเป็นกะเทยเชื่อป่ะ เพราะอะไร เพราะผมเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากร คณะอักษรศาสตร์ และคณะนี้นะ เพื่อนแม่ง 800 คน แม่งมีผู้ชายแค่ 80 คน ฉิบหายกูเกือบอีเบนซ์เลยอะ คือจะเป็นอีเบนซ์ได้เลย เพราะอะไร เพื่อนในกลุ่มที่สนิท ๆ กันมี 30 คน 2 คนจ้าเป็นผู้ชาย 2 คนเท่านั้นจ้า แล้วอีกคนเป็นแค่เพศชายจ้า กูชายแท้ คุณอาจจะเห็นผมชอบทำมือทำไม้ คือบอกได้เลยแม่งเป็นจิตใต้สำนึก ติดมาตั้งแต่กูเรียนอักษรศิลปากรจ้า เกือบเป็นอีเบนซ์แล้ว ณ เวลานั้น ถ้าวันนั้นไม่ตัดสินใจลาออกมานะจบ

ทั้งนี้ผลจากคลิปดังกล่าวส่งผลให้แฮชแท็ก #ผู้กองเบนซ์ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ไปโดยปริยาย โดยบางคนก็แสดงความเห็นว่า ตุ๊ด กะเทย ไม่ใช่ไวรัสจะได้ติดต่อ

ด้านเฟซบุ๊ก “นะจ๊ะ อักษรฯ” ได้โพสต์ข้อความระบุว่า จากกรณีที่มีคลิปไวรัลในขณะนี้ ที่พูดถึงชีวิตของผู้กองเบนซ์ในฐานะอดีต นศ. คณะอักษรศาสตร์ ศิลปากร พร้อมพูดถึงเพศวิถีในคณะ ทางชมรม นะจ๊ะ อักษรฯ จึงเกรงว่าสังคมจะเกิดความเข้าใจผิดต่อเพศวิถี โดยเฉพาะกับทางชมรม และ คณะ จึงขออธิบาย และ แก้ไขความเข้าใจดังนี้

1. 'ผมเคยเกือบเป็นตุ๊ด เกือบเป็นกะเทย




ไม่ควรพูด เพราะทำให้คนคิดว่า เพศนี้เลือกเป็น หรือไม่เป็นได้ ภาระจะไปตกกับ ทรานส์ หรือ เควียร์ ที่ทางบ้านเชื่อว่าเลิกเป็นได้ หรือ เป็นตามแฟชั่น นำไปสู่ความรุนแรงในครอบครัวได้ เพราะความเข้าใจผิดเช่นนี้

2. เพราะเรียนอักษร ศิลปากร มีเพื่อนผู้ชายในรุ่นแค่ 80 คน บลาๆ



จริงๆ แล้ว สถานที่ หรือ สังคมไม่สามารถเปลี่ยนหรือสร้างให้เราเป็นเพศใดใดได้ ในฐานะที่ผู้กองเบนซ์เป็นบุคคลสาธารณะ คำพูดนี้อาจจะทำให้ผู้ปกครอง(ที่ไม่สนับสนุนความหลากหลาย) เข้าใจสังคมของที่นี่ผิด และไม่ส่งเสริมให้น้องๆรุ่นหลังเข้ามาเรียนที่นี่ได้และเราทุกคน ควรเลิกใช้คำว่า “เพศทางเลือก” ได้แล้ว เพราะไม่ใช่ว่าจะเลือกเป็นกันตามใจ

3.ผมชอบทำมือทำไม้ เพราะติดมา

อัตลักษณ์ของคนเป็นเกย์ ทรานส์ อาจจะไม่ต้องสะบัดมือไม้ไปมาเช่นนั้น และอัตลักษณ์ของผู้ชาย ก็ไม่จำเป็นต้อง ขึงขัง แมนๆ เตะบอล ถ่อยๆ คุณสามารถมีความอ่อนโยน จริตจะกร้านได้ เพราะมันเปลี่ยน sexual orientation ของคุณไม่ได้



แต่การไปผลิตซ้ำว่าผู้ชายต้องมีคาแรคเตอร์แบบนี้ๆๆ มันจะสร้างสิ่งที่เรียกว่า toxic musculinity ที่ทำให้ผู้ชายเครียดกว่าผู้หญิง เพราะต้องห้ามอ่อนแอ ห้ามร้องไห้ ต้องแข็งแกร่งตลอดเวลา แบกรับ “ความเป็นชาย”จนลืมไปว่า เราก็เป็นคนๆนึง มนุษย์ผู้ชาย มันต้องอะไรนักหนา ทำให้เพศชายมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าเพศหญิง

แต่ส่วนตัวก็คิดว่า เรื่องพวกนี้ไม่ใช่แค่ผู้กองเบนซ์ แต่ก็คือทุกคนในสังคม ที่ต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน นี่ไม่ใช่การเหยียด แต่เป็นการไม่ตระหนักรู้ ignorance ต่อเรื่องของเพศวิถี

ทางชมรม นะจ๊ะ อักษรฯ ในฐานะนักศึกษาจากคณะที่สอนให้คนเข้าใจความเป็นมนุษย์มากขึ้น จึงขอให้สังคมเปิดใจและเข้าใจความหลากหลายในสังคม และอยู่ด้วยกันอย่างมีขันติธรรม

ขอบคุณเฟซบุ๊ก นะจ๊ะ อักษรฯ