ช่วยกันจำ 27เม.ย.63 เป็นวันที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย 9 คน
ต่ำสิบเป็นครั้งแรก นับแต่เริ่มพบคนไข้ในประเทศเมื่อ 13ม.ค.63 และครบ100 คน เมื่อ15มี.ค.63
จำนวนติดเชื้อสะสม 2,931 ราย
เสียชีวิตอีก 1 รวม 52 ราย รายล่าสุด เป็นหญิงอายุ 64 เป็นแม่บ้าน มีโรคประจำตัว โลหิตจาง ประวัติเสี่ยงสัมผัสผู้ป่วยรายก่อนหน้าซึ่งเป็นคนในครอบครัว ทั้ง 5 คน มีอาการ ไข้ ไอ หอบ เหนื่อย ได้รับการยืนยันการติดเชื้อโควิด19 วันที่ 10เม.ย. ต่อมาอาการหนัก ปอดอักเสบรุนแรง ไตทำงานลดลง จนไตวายและเสียชีวิต
มีคนหายป่วยอีก 15 คิดเป็นทั้งหมด 2,609 คนหรือ 89.01%ของทั้งหมด เหลือรักษาตัวในโรงพยาบาล 270 คน
การติดเชื้อในวันนี้ เป็นผู้สัมผัสกับผู้ป่วยก่อนหน้า 3 ราย พบที่ จ.ภูเก็ต สุพรรณบุรี และยะลา พบจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน จ.ยะลา 4 ราย และเป็นคนที่เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา เข้าอยู่ในที่กักตัวของรัฐ 2 คน
ไม่พบผู้ป่วยที่ กทม.เป็นครั้งแรก สถานการณ์ขณะนี้ ผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ป่วยรายก่อนหน้าลดลงเรื่อย ๆ แต่จะพบโดยการค้นหาเชิงรุก และผู้เดินทางกลับจากประเทศ ดังนั้นการกำหนดมาตรการ เฝ้าระวัง จึงมุ่งความสนใจไปยังผู้คนที่ผ่านเข้าเมือง ข้อมูลล่าสุด ทั่วโลกติดเชื้อทะลุ 3 ล้านคนแล้ว สหรัฐอเมริกา สูงเป็นอันหนึ่งกว่า 980,000 ราย หรือเกือบ 1 ใน 3 ของโลก ประเทศสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นอีก 931 ราย ยอดสะสม 13,624 แซงหน้าประเทศญี่ปุ่น ที่เพิ่มขึ้น 210ยอดรวม 13,441 ราย ช่วงตั้งแต่วันที่ 18-26 เม.ย.63 มีคนไทยกลับจากต่างประเทศทางบกกว่า 4,000 คน ในจำนวนนี้มีผู้ที่ไม่ลงทะเบียนกว่า 1,000 คน ดังนั้น แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะลดลงจนต่ำสิบ แต่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ก็ยังไม่มั่นใจ โดยเฉพาะการประเมินของแพทย์ถึงสถานการณ์ข้างหน้า 1.สถานการณ์ที่ควบคุมได้เต็มที่ ภายใต้มาตรการห้ามการเข้าประเทศ จำกัดการเดินทาง ปิดสถานที่เสี่ยงต่างๆ คาดว่าจะพบผู้ป่วยรายใหม่จากความใกล้ชิดผู้ป่วยเดิม การค้นหาเชิงรุก วันหนึ่ง 15-30 ราย 2.สถานการณ์ควบคุมได้ มีความเสี่ยงต่ำ มีการระบาดในวงจำกัด โดยชะลอการเข้าประเทศ ให้ธุรกิจที่เสี่ยงตำดำเนินกิจการได้ ประมาณว่าจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น วันละ 40-70 ราย ทั้งรายใหม่ ผู้สัมผัสผู้ป่วยและคนเดินทางเข้าประเทศ ทางสาธารณสุขพอรับได้ 3.สถานการณ์ที่ควบคุมได้ยาก มีการระบาดซ้ำคล้ายเหตุเกิดที่สนามมวยและสถานบันเทิง มีการเคลื่อนย้ายประชากรจำนวนมาก ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยไม่มีการกักกันติดตาม จะพบผู้ป่วย 500-2,000 รายต่อวันในเดือนมิ.ย.-ก.ค.63 ซึ่งระบบการสาธารณสุขจะไม่เพียงพอรองรับ เป็นภาพอนาคตที่ต้องเลือกว่าจะเอาแบบไหน ไม่ว่าจะเลือกอย่างใดก็จะมีทั้งกลุ่มคนที่พอใจและไม่ชอบใจทั้งสิ้น แต่สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมไว้ในวันนี้ คือการวางแผนกำหนดแนวทางสร้างระยะห่างกระทั่งตลาดว่าควรจัดแผงอย่างไร ให้ความเสี่ยงน้อยที่สุด ที่สำคัญทุกคนต้องเฝ้าระวัง กระทั่งในบ้านของตนเอง การติดเชื้อในระดับครอบครัว สามีติดภรรยา และภรรยานำมาติดสามี สัดส่วนถึง 50% พ่อแม่เอาไปติดลูก 15% จึงต้องย้ำ ยามนี้ รักมากก็อยู่ห่างหน่อย ไม่งั้นอาจต้องไปอยู่โรงพยาบาล
