เลขาฯ ศาลยุติธรรม เผยศาลสั่งลงโทษผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวแล้วกว่า 18,000 คน พบชาวกรุงครองแชมป์ รองลงมา คือ ปทุมธานี
เมื่อวันที่ 23 เม.ย.63 นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยข้อมูลสถิติคดีความผิดตามพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้นทั่วประเทศ
โดยสำนักงานศาลยุติธรรม ได้รวบรวมสถิติมาอย่างต่อเนื่องหลังรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว โดยสั่งห้ามบุคคลใดออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. โดยไม่มีความจำเป็น และได้มีการผ่อนปรนข้อยกเว้นการห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเคอร์ฟิวสำหรับบางอาชีพเพิ่มเติมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งมีผลคับใช้เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา
ภาพรวมสถิติคดีสะสมตั้งแต่วันที่ 3-23 เม.ย.63 รวม 20 วัน มีจำนวนคดีที่เข้าสู่การพิจารณาทั้งศาลอาญา ศาลจังหวัด และศาลแขวง ประกอบด้วย คดีที่ขึ้นสู่การพิจารณารวมทั้งสิ้น 15,961 คดี, คดีที่พิพากษาแล้วเสร็จรวมทั้งสิ้น 14,984 คดี หรือคิดเป็นร้อยละ 93.88
ส่วนข้อหาที่มีการกระทำความผิด ประกอบด้วย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวม 18,203 คน แบ่งเป็นสัญชาติไทย 17,135 คน และสัญชาติอื่น 1,068 คน, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 รวม 258 คน แบ่งเป็นสัญชาติไทย 241 คน และสัญชาติอื่นอีก 17 คน, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 รวมทั้งสิ้น 13 คน เป็นสัญชาติไทยทั้งสิ้น
สำหรับจังหวัดที่มีผู้กระทำความผิดสูงสุดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อันดับ 1 คือ กรุงเทพมหานคร 1,261 คน, อันดับ 2 จ.ปทุมธานี 873 คน, อันดับ 3 จ.ชลบุรี 766 คน ส่วนจังหวัดที่มีผู้กระทำผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 อันดับ 1 คือ จ.ชลบุรี 92 คน, อันดับ 2 จ.สมุทรสาคร 41 คน และอันดับ 3 จ.ยะลา 21 คน
ขณะที่ผู้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 อันดับ 1 จ.เชียงราย 6 คน, อันดับ 2 จ.นนทบุรี 2 คน, อันดับ 3 ฝ่าฝืนจังหวัดละ 1 คน ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, .ตาก, นราธิวาส, สุรินทร์ และ จ.น่าน