เร่งสอบปากคำผู้ต้องหา ขับรถชน ผญบ.ขาหัก

2020-04-23 11:35:53

  เร่งสอบปากคำผู้ต้องหา ขับรถชน ผญบ.ขาหัก

Advertisement

ตร.เร่งสอบปากคำวัยรุ่นชาย ที่ขับรถแหกด่านชนผู้ใหญ่บ้านขาหักขณะตั้งด่านโควิด ด้านผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่า ได้ขับรถชนผู้ใหญ่บ้านจริงแต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายหรือพยายามฆ่า แต่ขับรถด้วยความเร็ว เพื่อหวังจะหลบหนีเจ้าหน้าที่เท่านั้น เพราะกลัวโดนตรวจหาสารเสพติด เนื่องจากตนเองเสพยาไปก่อนหน้านั้น 3 วัน และได้พกพาอาวุธมีด แต่ผลตรวจไม่พบสารเสพติด

วันที่ 23 เม.ย.จากกรณีที่ได้เกิดเหตุการณ์ชายวัยรุ่นพยายามขับรถ จยย.แหกด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจบ้านห้วยนาง ที่ร่วมกับชุดรักษาความสงบเรียบร้อยประจำตำบลห้วยนาง (ชรบ.) นำโดย ร.ต.อ.อภิชัย บุญเมือง รองสารวัตรปราบปราม หัวหน้าชุดสายตรวจตำบลห้วยนาง พร้อมกำลัง ชรบ.รวมกว่า 10 นาย ที่กำลังตั้งจุดตรวจสกัดป้องกันการระบาดของเชื้อโควิดด-19 ที่บริเวณหน้าวัดวังหลาม หมู่ 8 ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง แต่เมื่อเห็นด่านอยู่ข้างหน้าชายรุ่นก็ได้เลี้ยวรถ จยย.กลับเส้นทางเดิมในทันที ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ชุดสกัดกั้นหน้าก่อนถึงด่านซึ่งยืนอยู่ประมาณ 7 คน รีบเข้าขัดขวาง เป็นเหตุให้ชายวัยรุ่นคนดังกล่าวเฉี่ยวชนเจ้าหน้าที่จนล้มลงกองกับพื้นถนน ขณะที่นายสมรักษ์ รัตนแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ถูก จยย.ชนจนขาซ้ายหัก ต้องรีบนำตัวส่ง รพ.ห้วยยอด ส่วนคนชนทราบชื่อคือ นายปิยวัฒน์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 6 ต.ห้วยนาง ซึ่งเป็นลูกบ้านของผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่รวบตัวได้ขณะเกิดเหตุ จากนั้นนำตัวส่งไป สภ.ห้วยยอด เพื่อแจ้งข้อหา พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ส่วนผลการตรวจปัสสาวะ ซึ่งเดิมเป็นสีม่วง พบว่าไม่มีสารเสพติดในร่างกาย เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.ของคืนวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา

ล่าสุดที่ สภ.ห้วยยอด พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.ห้วยยอด ได้ทำการสอบปากคำนายปิยวัฒน์ ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้น นายปิยวัฒน์ให้การว่า ได้ขับรถจักรยานยนต์มาตามปกติ และได้มาเจอกับด่านตรวจ จึงได้เลี้ยวรถกลับแล้วได้เร่งความเร็วรถเพื่อหลบหนี จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ประจำด่านก็ได้เข้ามาทำการเข้าสกัดรถจักรยานยนต์ของตนเอง ตนพยายามเบี่ยงหลบ แต่ทำให้รถชนผู้ใหญ่บ้าน ม.6 จนขาซ้ายหัก โดยยอมรับว่าได้ขับรถชนผู้ใหญ่บ้านจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายหรือพยายามฆ่า แต่ขับรถด้วยความเร็ว เพื่อหวังจะหลบหนีเจ้าหน้าที่เท่านั้น




ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาหนัก พยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ,พกพาอาวุธ (มีด) ไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร หรือจำเป็นเร่งด่วน และข้อหาความผิดอื่นๆ เช่น ไม่มีใบอนุญาตขับรถ ขับรถประมาทหวาดเสียว ไม่ต่อ พ.ร.บ. ไม่ต่อทะเบียน ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ต้องหายอมรับสารภาพในฐานความผิดอื่นๆทั้งหมด ยกเว้นข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน นายปิยวัฒน์ ผู้ต้องหา ไม่ยอมรับ โดยยืนยันว่าตนชนผู้ใหญ่บ้านจริง แต่เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า ไม่ได้ตั้งใจจะขับรถชนจริง และไม่มีเจตนาทำร้ายผู้ใหญ่บ้านแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม นายปิยวัฒน์ ได้บอกเล่าถึงเหตุการณ์ให้ฟังว่า วันที่เกิดเหตุตนเองได้ขับรถออกจากบ้านจะไปหาเพื่อน ซึ่งอยู่เลยด่านตรวจไปไม่ไกล และเมื่อถึงจุดเกิดเหตุตนเองก็มองเห็นเหมือนตั้งด่านแต่ไม่เห็นไฟ จึงตัดสินใจเลี้ยวรถกลับ แล้วก็ได้ขับรถมาด้วยความเร็ว และมีคนกระโดดมาขวางรถ และก็ไม่มีไฟส่องสว่างในจุดนั้น และเหตุผลที่ได้เลี้ยวรถกลับเพราะว่า ตนเองได้พกมีดมาด้วย และกลัวจะโดนตรวจฉี่ม่วงด้วย เพราะตนเองเสพยามาหลายวันก่อน ด้วยความกลัว จึงได้กลับรถแล้วรีบเร่งเครื่อง เพื่อหลบหนีไม่มีเจตนาจะพุ่งชน หรือพยายามฆ่าแต่อย่างใด คืนนั้นยอมรับว่าขับรถเร็วประมาณ 80 กม./ชม. เมื่อกลับรถก็ได้ซิ่งและก็ชนกับผู้ใหญ่บ้านทันที ที่กระโดดออกมาขวาง ส่วนรถจักรยานยนต์ของตนก็ได้ล้มลงและได้รับบาดเจ็บตามร่างกายเช่นกัน ทั้งที่บริเวณ ขา แขน ไหล่ ลำตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว