สธ.เน้นการให้ความรู้โควิด-19ที่ถูกต้องมากกว่าทำให้กลัว

2020-04-06 20:00:49

สธ.เน้นการให้ความรู้โควิด-19ที่ถูกต้องมากกว่าทำให้กลัว

Advertisement

รองอธิบดีกรมควบคุมโรคระบุ สธ.เน้นการให้ความรู้โควิด-19ที่ถูกต้องแก่ประชาชนมากกว่าทำให้กลัว ระบุหากประชาชนหวาดกลัวมากเกินไปจะรังเกียจผู้ป่วย ทำให้ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตในชุมชนได้ตามปกติ แม้รักษาหายแล้ว ระบุความหวาดกลัวของผู้ป่วยจะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมปิดบังข้อมูลต่อแพทย์พยาบาลทำให้รักษาโรคไม่ถูกต้อง เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ

เมื่อวันที่ 6 เม.ย.  ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ) นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในระยะที่ผ่านมา ประกอบด้วย มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในประเทศ โดยการเพิ่มระยะห่างระหว่างบุคคล (Social Distancing) ได้แก่ การออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น การงดกิจกรรมทางสังคม การไม่ไปในสถานที่แออัด การทำงานที่บ้าน การสวมหน้ากากผ้าเมื่อออกจากบ้าน รวมทั้งผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงทั้งจากต่างประเทศและกรุงเทพมหานคร ที่ให้กักตัวที่บ้าน 14 วัน และมาตรการยับยั้งการนำเข้าเชื้อจากต่างประเทศ ซึ่งในระยะนี้ก็ทวีความสำคัญมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากประเทศต่างๆ เริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคกว้างขวางมากขึ้นเป็นลำดับ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องยกระดับการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคในกลุ่มผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยกักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ให้ในทุกจังหวัด (State/Local Quarantine) เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน มีการติดตามอาการทุกวัน หากมีอาการป่วยจะได้รับการตรวจรักษาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อไปสู่คนในครอบครัว โดยเฉพาะบ้านที่มีสภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการกักตัวที่บ้าน หรือมีผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วยโรคเรื้อรังอยู่ร่วมบ้าน เมื่อครบกำหนดทุกคนจะได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการให้มั่นใจว่าไม่มีเชื้อโควิด-19 และใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้

นพ.ธนรักษ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข เน้นการให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนมาโดยตลอด เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องมากกว่าจะทำให้กลัว เพราะหากประชาชนเกิดความหวาดกลัวมากเกินไปจะรังเกียจผู้ป่วย ทำให้ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตในชุมชนได้ตามปกติ แม้ว่าผู้ป่วยรายนั้นผ่านกระบวนการรักษาจนหายเป็นปกติแล้ว ซึ่งข้อมูลวิชาการบ่งชี้ว่าการรักษาในช่วงเวลา 14 วันนั้นเพียงพอที่จะไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่น นอกจากนี้ ความหวาดกลัวของผู้ป่วยจะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมปิดบังข้อมูลต่อแพทย์พยาบาล ยิ่งทำให้รักษาโรคไม่ถูกต้อง และเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อเพิ่มได้อีก สำหรับผู้ที่เดินทางข้ามจังหวัดและกักตัวอยู่ที่บ้าน ขอให้เคร่งครัดการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้ร่วมบ้าน ไม่ออกจากที่พักจนครบ 14 วัน เว้นระยะห่างในครอบครัว โดยแยกรับประทานอาหาร ภาชนะ และของใช้ส่วนตัว ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล สวมหน้ากากอนามัยและอยู่ห่างจากคนอื่น 1-2 เมตร หลีกเลี่ยงการพูดคุยใกล้ชิดกับคนอื่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเรื้อรัง ทำความสะอาดที่พักด้วยน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป น้ำยาฟอกขาว 1 เปอร์เซ็นต์ เช็ดพื้นผิวต่าง ๆ ด้วยแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์  สำหรับเสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ผ้าเช็ดตัว ซักด้วยผงซักฟอกและน้ำธรรมดา