"จุรินทร์” เผยปรับรูปแบบบริหารหน้ากากอนามัยใหม่ ให้ "สธ.-มท." แจงหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นหมายถึงวัตถุดิบในการผลิต
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการจัดสรรหน้ากากอนามัยว่า ขณะนี้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 2.2 - 2.3 ล้านชิ้นต่อวัน แต่ก็ยังไม่สามารถสนองความต้องการของประชาชนได้เพราะหน้ากากอนามัยชนิดนี้ใช้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้งทันทีทำให้ ที่ผ่านมาเราได้บริหารจัดการโดยให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้บริหารจัดการ โดยจัดให้บุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลก่อน เพราะถือว่ามีความจำเป็นที่จะต้องใช้ สามารถจัดได้วันละ 1.2 - 1.3 ล้านชิ้นที่เหลือกรมการค้าภายในจะกระจายไปยังทั่วประเทศในร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ แต่ต่อจากนี้ไปเราเปลี่ยนระบบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คือให้กับกระทรวงสาธารณสุขจัดการให้กับโรงพยาบาลทุกระดับทั้งภาครัฐและเอกชนยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่อีกส่วนที่กรมการค้าภายในบริหารจัดการไปยังร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อนั้น เปลี่ยนไปให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บริหาร ทั้งนี้เนื่องจากว่าปัจจุบันผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้บัญชาการ แก้ปัญหาโควิดในระดับจังหวัด จึงควรมีหน้ากากอนามัยไปบริหารจัดการด้วย ดังนั้นจากนี้ไปก้อนที่ 2 จากกระทรวงพาณิชย์จะส่งให้กระทรวงมหาดไทยกระจายไปยังทุกจังหวัดโดยตรงเพื่อให้ผู้ว่าฯในพื้นที่สามารถใช้ดุลพินิจได้ว่าจะกระจายไปให้กลุ่มเสี่ยงที่ไหนอย่างไรบ้างและจะเหลือให้จำหน่ายในร้านไหนอย่างไรบ้างตามความเหมาะสม โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปภายใต้ข้อจำกัดกำลังการผลิต 2.2 - 2.3 ล้านชิิ้นเช่นเดิม
นายจุรินทร์ ยังได้กล่าวถึง ประเด็นที่มีคนพูดเรื่องหน้ากากอนามัย ที่กระทรวงพาณิชย์เคยบอกว่าก่อนรับผิดชอบดูแลมีหน้ากากอนามัยอยู่จำนวน 200 ล้านชิ้นนั้น และมีคำถามว่าหายไปไหน ขอเรียนให้ทราบว่าที่เคยให้ข้อมูลมานั้นหมายถึงมีวัตถุดิบ ซึ่งอธิบดีกรมการค้าภายในและปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้เคยชี้แจงไปแล้วว่าหมายถึงวัตถุดิบที่สามารถทำการผลิตหน้ากากอนามัยได้ประมาณ 200 ล้านชิ้น ซึ่งไม่ได้แปลว่ามีหน้ากากอนามัยกองอยู่ 200 ล้านชิ้นแล้วหายไป