สั่งเข้ม! ห้ามเดินทางข้ามเขต พื้นที่นราธิวาสสกัดโควิด-19

2020-03-30 17:25:47

สั่งเข้ม! ห้ามเดินทางข้ามเขต พื้นที่นราธิวาสสกัดโควิด-19

Advertisement

นราธิวาสสั่งห้ามประชาชนเดินทางเข้า-สั่งห้ามออกข้ามเขตพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อสกัดไวรัสโควิด-19 ระบาด หลังพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มอย่างรวดเร็ว

วันนี้ 30 มี.ค. 63 นายเอกรัตน์ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ในฐานะ ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดนราธิวาส ได้ออกคำสั่งที่ 1365/2563 เรื่อง ระงับการเดินทางเข้า-ออกจังหวัดนราธิวาสของบุคคล โดยมีสาระสำคัญดังนี้

เนื่องด้วยปัจจุบันจังหวัดนราธิวาส มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ในหลายอำเภอและพบการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เพื่อเป็นการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคไปสู่ประชาชนวงกว้าง การควบคุมพื้นที่ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค จ.นราธิวาสจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้มาตรการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างเข้มข้นเพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรคในสถานที่ต่างๆที่มีความเสี่ยงสูง โดยมีคำสั่งดังนี้




1. ห้ามประชาชนเดินทาง เข้า-ออก ข้ามเขตพื้นที่จังหวัดนราธิวาส อันเนื่องมาจากเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการติดต่อเชื้อโรคโควิด-19 เว้นแต่ เพื่อประโยชน์ในการรักษาพยาบาล การทำให้ปลอดภัยจากเชื้อโรค การป้องกันโรค การฆ่าเชื้อโรค การขนส่งสินค้าที่จำเป็น สินค้าอุปโภค-บริโภค การไปรษณีย์ อุปกรณ์เครื่องมือเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ยานพาหนะเพื่อการกู้ชีพ กู้ภัยฉุกเฉิน รถพยาบาล และยานพาหนะของทางราชการ หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ทั้งนี้ผู้ได้รับการยกเว้นต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด

2. ห้ามผู้ที่เป็น หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย หรือ โรคระบาด เดินทางเข้า-ออกหมู่บ้านหรือที่เอกเทศ สำหรับที่แยกกัน หรือกักกัน และหรือข้ามเขตพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ



อนึ่งเนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วน หากปล่อยให้ล่าช้าไปจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชน หรือ กระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งตามมาตรา 30 วรรค2 (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการการทางปกครอง พ.ศ. 2539

หากผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งนี้ มีฐานความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ หรือเป็นความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. 2563 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย