แม่ฮ่องสอนพบผู้ป่วยโควิด19 รายแรก เป็นชาย มีประวัติเดินทางกลับจากประเทศปากีสถาน
วันที่ 26 มี.ค. ที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผวจ.แม่ฮ่องสอน ,นพ. ศุภชัย บุญอำพันธ์ นพ.สาธารณสุขจังหวัด และ นพ.วัฒนชัย วิเศษสมิต ผอ.รพ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีมีผู้ป่วยโควิดรายแรกใน จ.แม่ฮ่องสอน
นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผวจ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจ.แม่ฮ่องสอนมีผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 รายแรกของจังหวัด เป็นชาย อายุ 32 ปี จำนวน 1 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยระวังโรค 23 ราย รักษาหาย 18 ราย ยังรักษาอยู่ใน รพ. 5 ราย ไม่มีผู้ป่วยอาการรุนแรง และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จำนวน 3 ราย โดยทาง จ.แม่ฮ่องสอนได้ปฏิบัติตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของนายกรัฐมนตรี และได้ตั้งด่านคัดกรองจากเดิม 4 ได้เพิ่มขึ้นอีกหลายด่านทั้งในเส้นทางหลักที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอนทุกเส้นทางโดยสนธิกำลังระหว่างตำรวจ ทหาร สาธารณสุข ปกครอง เพื่อสกัดการเดินทางตาม พรบ.ฉุกเฉิน และแจ้งกำชับไปยังนายอำเภอทุกอำเภอ พื้นที่ไหนที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดหรือดูแลให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชนที่มาใช้พื้นที่สาธารณะก็ได้แจ้งให้นายอำเภอทำการปิดชั่วคราวไปก่อนจนกว่าจะมีการเคลียร์พื้นที่ทำความสะอาด
ขณะนี้ทราบว่าพื้นที่ที่พบผู้ป่วยรายแรก ทางหน่วยทหาร ตำรวจ สาธารณสุข และฝ่ายปกครองได้ทำความสะอาดฉีดพ่นยากำจัดเชื้อไปเรียบร้อยแล้ว ขอประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก หรือกังวลใด ๆ เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
นายศุภชัย บุญอำพันธ์ นพ.สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่าศูนย์ควบคุมโรคติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานได้สั่งการควบคุมอย่างเข้มข้นจึงขอความร่วมมือกับประชาชนที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ อายุ 65-70 ปี ในช่วง 14 วันนี้อยากให้อยู่แต่ในบ้านไม่อยากให้ไปพื้นที่อื่น รวมทั้งผู้ที่กลับจากกรุงเทพและปริมณฑลทุกคนขอความร่วมมือให้อยู่ที่บ้านกักตัวเอง 14 วัน หากใครไม่ให้ความร่วมมือก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขฝ่ายปกครองเพื่อเข้าไปทำความเข้าใจ และขอให้ผู้ที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน หรือเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดแยกกักตัวที่บ้าน 14 วัน โดยให้ปฏิบัติตาม พรก.ฉุกเฉินอย่างเคร่งครัด
นพ.วัฒนชัย วิเศษสมิต ผอ.รพ.ปาย เปิดเผยว่า สำหรับผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 รายนี้ มีประวัติการเดินทางมาจากประเทศปากีสถานซึ่งเป็นพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง และเดินทางกลับถึงประเทศไทยโดยสายการบินไทย เมื่อวันที่ 21 มี.ค.63 และเดินทางกลับถึงภูมิลำเนาที่ อ.ปาย เมื่อวันที่ 23 มี.ค.63 และได้เข้ารักษาที่ รพ.ปาย เมื่อวันที่ 24 มี.ค.63 ขณะนี้ได้ประสานงานติดตามผู้ที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยตั้งแต่การเดินทางถึงประเทศไทย สมาชิกร่วมบ้านและผู้ที่คลุกคลีใกล้ชิดผู้ป่วย และเพื่อคัดกรองและเก็บตัวอย่างต่อตรวจต่อไป ซึ่งผู้ป่วยรายดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงขณะนี้ทำการรักษาอยู่ที่ รพ.ปาย