ในที่สุดการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร(ระดับนายพล)ประจำปี 2560 ก็ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว โดยปีนี้มีการแต่งตั้งโยกย้ายกันมากเป็นประวัติการณ์ถึง 990 รายชื่อ จากปกติที่อยู่ในระดับ 600เศษหรือเกือบๆ 700 รายชื่อ
บัญชีที่ออกมาเป็นไปตาม “โผสุดท้าย” ที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ กล่าวกันอย่างถึงที่สุดแบบรวบรัดตัดความหากจะให้วิเคราะห์กันในเชิงอำนาจก็ต้องบอกว่านี่คือการ “กระชับอำนาจ” อีกครั้งหนึ่งของ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่พิสูจน์แล้วว่ายากที่ใครจะไปแบ่งแยก ตอกลิ่มให้ทั้งคู่ระแวง หันหลังให้กันหรือเผชิญหน้ากันได้
“ท่านอยู่กับผมทั้งชาติแหละ..” พล.อ.ประยุทธบอกนักข่าวเมื่อวันที่ 11 ส.ค.2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ “บิ๊กป้อม”ครบรอบ 72 ปี เป็นคำพูดของ”บิ๊กตู่”ในความหมายทำนองว่าความสัมพันธ์ผูกพันจะยืนยาวตลอดไป คงมิได้หมายความว่า”บิ๊กป้อม”จะต้องเป็นรองนายกฯเป็นรมว.กลาโหมตลอดกาล...หากว่าหลังเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าพล.อ.ประยุทธเป็นนายกฯอีกรอบ เพราะหากไปไล่เรียงคำสัมภาษณ์ของพล.อ.ประวิตรก่อนหน้านี้ ท่านก็พูดค่อนข้างชัดเจนว่าจะช่วยงานพล.อ.ประยุทธไปจนนาทีสุดท้ายของรัฐบาลในรอบนี้ ไม่เคยพูดข้ามช็อตไปถึงรัฐบาลหน้า...
สรุปตรงนี้ก็ต้องบอกว่า ตราบใดที่ “ลุงป้อม” ยังมีแรงอยู่..ทำงานไหวก็คงต้องอยู่ช่วย “น้องเลิฟ”ไปจนสิ้นรัฐบาลชุดนี้ ดังนั้นการที่บางกลุ่มบางฝ่ายที่มองว่า “ลุงป้อม”ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาล”ลุงตู่”ดูเทาๆทึมๆไปหน่อยก็คงต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่า...นี่เป็นโครงสร้างทางอำนาจในชีวิตจริงที่ต่างฝ่ายต่างพึ่งพา กล่าวสำหรับ”ลุงตู่”การที่มี “ลุงป้อม” คอยบริหารจัดการดูแลเรื่องความมั่นคง ดูแลความเรียบร้อยไม่ให้ใครมาแทงข้างหลัง..ก็ต้องนับว่าโชคดี ส่วนจะมีอะไรที่ตัวเองไม่เห็นด้วยบ้างก็คงคุยกันบ้าง ลืมๆ กันบ้าง...ตามประสา
ทั้งนี้ทั้งนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าหากรัฐบาลหน้า นายกรัฐมนตรียังคงเป็นพล.อ.ประยุทธ “พี่ใหญ่”อย่าง พล.อ.ประวิตรก็น่าจะวางมือทางการเมือง หรือถูกวางตัวเป็นที่ปรึกษาใหญ่อยู่ข้างนอก วันนั้นจะเป็นวันที่”บิ๊กตู่”คงจะต้องกระชับพื้นที่ดูแลอำนาจสีเขียว ตลอดจนสีกากีด้วยตัวเองอย่างมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้..
กลับมาดูการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารในตำแหน่งสำคัญๆ สักนิด
-พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ตท.18)ที่กาลครั้งหนึ่งเคยถูกขานชื่อว่าจะได้เป็นผบ.ทบ. ต้องข้ามห้วยจากผช.ผบ.ทบ.ไปเป็น ปลัดกลาโหม (เกษียณ2561)
-พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ เสนาธิการทหาร ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ที่น่าสนใจคือการแต่งตั้งโยกย้ายในส่วนของ 5 เสือทบ.
-พล.อ.สสิน ทองภักดี จากเสธ.ทบ.เป็น รองผบ.ทบ.(เกษียณ 2561)
-พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1(เกษียณ2563) ขึ้นเป็นผช.ผบ.ทบ.คู่กับ พล.ท.วีรชัย อินทุโสภณ ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน(เกษียณ2562)
-พล.ท.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองเสธ.ทบ.ขึ้นเป็นเสธ.ทบ.(เกษียณ2564)
ตามบัญชีนี้เราจะได้โครงสร้าง 5 เสือ ทบ.ชุดใหม่ที่น่าสนใจมาก (ดูได้จากภาพด้านบน) และนับจากเดือนต.ค. 3 พล.ท.จะเป็น พล.อ.และทุกคนมีสิทธิคั่วเก้าอี้ ผบ.ทบ.ทั้งสิ้นเช่นเดียวกับพล.อ.คนอื่นๆนอกโครงสร้าง 5 เสือ เพียงแต่เป็นที่รับทราบกันว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์มีแนวโน้มสูงยิ่งที่จะเป็นนายกฯคนต่อไป เดือนต.ค.ปีหน้าพล.อ.ประยุทธก็คงเลือก “แม่ทัพแดง”พล.ท.อภิรัชต์มาเป็นเสาค้ำอำนาจให้ตัวเองค่อนข้างแน่ เพียงแต่ว่าการที่”บิ๊กป้อม”ดึง พล.ท.วีรชัยมาอยู่ใน5เสือทบ.ด้วยคงทำให้พล.ท.อภิรัชต์คงออกอาการเสื้อคับ(อึดอัด)อยู่ไม่น้อย.. !?
ส่วนกองทัพเรือ ก็เป็นไปตามโผสุดท้าย คือ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ “บิ๊กนุ้ย” (เกษียณ2561) จากผช.ผบ.ทร.ขึ้นเป็นผบ.ทร. ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นคนที่เป็นตัวเต็งคือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสธ.ทร. (เกษียณ2563) ที่ครั้งนี้ขยับขึ้นเป็น รองผบ.ทร.เปิดทางให้ พล.ร.ท.พิเชฐ ตานะเศรษฐ จากรองเสธ.ทร.ขึ้นเป็นเสธ.ทร.
ตามรูปการและความคาดหมายเชื่อว่า “บิ๊กลือ” จะขั้นเป็นผบ.ทร.ต่อจาก”บิ๊กนุ้ย” แต่จากนี้ไปนี้ก็ไม่ควรมองข้ามเสธ.ทร.คนใหม่ที่เชื่อกันว่า”บิ๊กนุ้ย”ต้องหนุนส่งเต็มที่เหมือนกัน..??
สำหรับในส่วนของกองทัพสีกากี..สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีอะไรน่าจับตาไปกว่าประเด็นที่ว่า “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.(เกษียณ2563)จะอยู่ยาวจนเกษียณในตำแหน่งผบ.ตร.พร้อมเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร20 อย่าง”แม่ทัพแดง” หรือว่ามีเหตุให้ต้องลุกไปนั่งตรงอื่นเปิดทางให้ “บิ๊กปู” รองผบ.ตร.(เกษียณ2562)ขึ้นเป็นผบ.ตร.สักปีส่งท้าย..เรื่องนี้เป็นเรื่องของ4ป.”ประยุทธ-ป้อม-แป๊ะ-ปู” ไปว่ากันเอาเอง..
ดังกล่าวมาก็พอจะสรุปอีกครั้งได้ว่า...การกระชับอำนาจในส่วนของทหาร – ตำรวจ ของ”บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”นั้นเต็มไม้เต็มมือยากที่มีขั้วอำนาจไหนมาหืออือได้...อนาคตเบื้องหน้าหาก”บิ๊กตู่”ยังดำรงเข็มมุ่งในภารกิจทำการ”เปลี่ยนผ่าน”ประเทศไทยให้ผ่านไปให้ได้ก็คงต้องวางแผนกลับมาเป็นนายกฯรอบสองให้ได้...ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง โดยที่ตัวเองไม่ต้องลงเลือกตั้ง โดยอาจจะนั่งอยู่เฉยๆ หรืออาจยินยอมให้พรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งเสนอชื่อเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 88 ของรัฐธรรมนูญ..
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และยากกว่าการจัดวางขุมกำลังทหาร-ตำรวจเป็นร้อยเท่า...
และตอนนี้ นาทีนี้การเดินหมากเกมที่ว่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว พร้อมๆกับระเบิดเวลาหลายลูกที่”บิ๊กตู่”ต้องรีบถอดพสลัก..
ตอนหน้าจะมาหมายเหตุมาจับกระแสให้อ่านกันครับ