มาเล่, 16 มี.ค. (ซินหัว)- เมื่อวันจันทร์ (16 มี.ค.) หน่วยงานคุ้มครองสุขภาพแห่มัลดีฟส์ (HPA) รายงานจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในมัลดีฟส์เพิ่มเป็น 13 ราย หลังพบผู้ติดเชื้ออีก 3 รายที่มีผลการทดสอบไวรัสเป็นบวก
สื่อท้องถิ่นรายงานว่าผู้ติดเชื้อใหม่ 2 รายถูกตรวจพบขณะอยู่ในซาฟารี ส่วนรายที่ 3ยถูกตรวจพบขณะอยู่ที่อนันตราดิก มัลดีฟส์ รีสอร์ต (Anantara Dhigu Maldives Resort)
ข้อมูลของหน่วยงานเอชพีเอระบุว่า นอกเหนือจากผู้ด้รับการยืนยันผลว่าติดเชื้อ 13 รายในประเทศแล้ว ยังมีผู้ป่วยต้องสงสัยอีก 11 รายอยู่ในศูนย์กักกันในเกาะฟารุโคลร์ (Farukolhน) และอีก 18 รายอยู่ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งถูกดัดแปลงให้ เป็นศูนย์กักกันในเกาะวิลลิวาร (Villivaru)
ทุกรายที่พบล้วนเป็นชาวต่างชาติ โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวกับกลุ่มแรงงานอพยพ
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลสั่งระงับการเข้าพักที่เกสต์เฮาส์ในพื้นที่เกรตเตอร์ มาเล (Greater Male) และจำกัดการเดินทางมาเยือนของนักท่องเที่ยวที่มาจากสเปน เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี เกาหลีใต้ จีน และบังคลาเทศ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลของมัลดีฟส์ได้จัดสรรงบประมาณ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.15 แสนล้านบาท) จากงบประมาณฉุกเฉิน เพื่อสนับสนุนมาตรการป้องกันช่วงภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข 30 วัน
โมฮัมเหม็ด มาบรูก อาซีซ (Mohamed Mabrooq Azeez) โฆษกของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินแห่งชาติ (NEOC) กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า งบประมาณดังกล่าวไม่รวมเงินอุดหนุนและงินที่ได้จากการบริจาค
อาซีซยังกล่าวอีกว่า มีการนำเข้าชุดทดสอบโรคโควิด 19 เพิ่มอีก 5,000 ชุด ทำให้มัลดีฟส์มีชุดเครื่องมือดังกล่าวทั้งหมดสูงถึง 6,000 ชุด
อาลี วาฮีด (Ali Waheed) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกล่าวว่า เงินทุนบางส่วนจากกองทุนการท่องเที่ยวของประเทศอาจถูกนำไปใช้ซื้อเครื่องมือแพทย์และเชิญผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคมาที่มัลดีฟส์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขและจัดการทดสอบโรคโควิด-19
ในโรงพยาบาลอินทิรา คานธี เมมโมเรียล (GMH) ซึ่งสามารถรับผลได้ภายใน 12 -24 ชั่วโมง