ตกเป็นเหยื่อบูลลี่ "เอ๊ะ อิศริยา" ช้ำชอกใจ โดนเจอใครๆ กล่าวหา "เนรคุณ" !!

2020-03-12 15:15:08

ตกเป็นเหยื่อบูลลี่ "เอ๊ะ อิศริยา" ช้ำชอกใจ โดนเจอใครๆ กล่าวหา "เนรคุณ" !!

Advertisement

"เอ๊ะ อิศริยา" ย้อนเล่าโดนบูลลี่ไม่สวย ตัวดำ เนรคุณ เผยเหตุไม่เคยมีแฟน!

อดีตนางเอกชื่อดังที่ตอนนี้ผันตัวมาทำงานเบื้องหลัง อย่าง "เอ๊ะ อิศริยา" ที่ทั้งสวย ทั้งเก่ง แบบนี้แต่เจ้าตัวก็เคยโดนบูลลี่อย่างหนัก อีกทั้งยังเจอด่าหาว่า "เนรคุณ" อีกต่างหาก ล่าสุด เธอได้เปิดใจในอุปสรรคทั้งหลายแหล่ที่เคยผ่านพ้นมา เธอทำอย่างไร เธอจัดการกับปัญหารุมเร้านั้นด้วยวิธีใด ไปตามอ่านกัน





ตอนนี้อยู่ในวงการมากี่ปี ?
เอ๊ะ : 22 ปี ตอนนั้นไปเจอพี่อุ๊บ วิริยะ แต่ตอนนั้นเชื่อไหมว่าเอ๊ะเด็กมาก แบบ 15 ปี แล้วเราไม่ได้คิดว่าเรามีแวว อย่างแรกเราถ่ายหนังสือ แล้วอย่างที่สองคือ มิสมอเตอร์โชว์

พอเข้าวงการปุ๊บ โรงเรียนเชิญออกเลย ?


เอ๊ะ : อันนั้นเราโทษโรงเรียนไม่ได้ เพราะว่าเราก็คิดอะไรไม่รอบคอบ คือตอนนั้นเอ๊ะมีแต่เรียน แล้วแม่ก็บอกว่ามันไม่ได้ เราตั้งใจเรียนเกินไปจริงๆ แม่อยากให้เรามีชีวิตที่กว้างกว่านั้น เราก็คิดว่าถ่ายแบบเล็กๆ น้อยๆ มันไม่น่าจะอะไร แต่โรงเรียนเขาก็รู้นะ เราไม่คิดว่าจะได้ แต่ดันได้ แล้วก็ต้องออก เพราะว่าถ้าเราไม่ออกก็จะถูกเชิญออก คือจริงๆ มันเป็นกฎอยู่แล้ว

แล้วทำไมต้องถูกเชิญออก ?
เอ๊ะ : ก็เขาห้ามเป็นดารา ห้ามมาทำอะไรสักอย่าง ตอนนั้นความรู้สึกก็อึ้งไปเลย แต่โชคดีสอบเทียบเลยค่ะ





แต่ก่อนไปสอบเทียบได้ข่าวว่าเอ๊ะไปสอบเทียบ สอบติดแล้วก็ถูกบอกว่าจะต้องดร็อปเรียนอีก ?
เอ๊ะ : มันจะเป็นอย่างนี้ เอ๊ะจบแค่ ม.4 แล้วเราสอบเทียบไปถึง ม.6 แต่เรารู้สึกว่าความรู้ ม.5-ม.6 เราไม่มี เราจะไปเอนทรานซ์มันก็ยาก ก็เลยไปติว แต่คนที่โรงเรียนติวเขาเห็นว่าเรามีความรู้ ม.ปลายแค่ปีเดียว มันค่อนข้างจะไม่ได้ ตอนนั้นเราฟังแล้วใจสั่นเลยนะ รู้สึกแย่มาก ตอนนั้นเขาก็ถามว่าเราได้เงินมาเท่าไหร่ เราก็บอกว่าเราได้เงินประกวดมา 1.5 แสน เขาก็พูดว่า เหมือนให้คูณไปสิบเท่า ใช้เงินเท่านี้ในการติวในเวลาที่เรามีก็ไม่น่าจะได้ ตอนนั้นโกรธมาก เอ๊ะจำได้ว่าเอ๊ะเอนติดปุ๊บ เอ๊ะลงหน้า 1 หนังสือพิมพ์ ในใจเราดีใจมาก เหมือนอยากให้เขามาเห็น เชื่อไหมหลังจากวันนั้นที่เขาพูดเอ๊ะไม่ติวเลย เอ๊ะเอาข้อสอบย้อนหลัง 10 ปี มานั่งทำ

เข้าปี 1 เอาตัวเองเกือบไม่รอด เกิดอะไรขึ้น ?
เอ๊ะ : ไปเรียนปี 1 เขาต้องลงเรียน มันวิชารวม ไอ้เราก็ไปถ่ายละครต่างประเทศ คุณแม่จะไม่พูดอะไรมาก เขาก็ถามว่าไหวไหม รับผิดชอบได้ไหม เราก็บอกว่าได้แม่เดี๋ยวลูกให้เพื่อนเช็กชื่อให้ ตอนนั้นไปเดือนเกือบสองเดือน ปรากฏว่ากลับมาอาจารย์บอกว่ามาดร็อปเลยนะ ทุกวิชาเลย คือถ้าเราดร็อปแล้วคะแนนไม่มันจะถูกไทน์ เท่ากับว่าเอ๊ะไปเรียนวิชาของปี 1 ตอนอยู่ปี 4 ระบบชีวิตการเรียนของเอ๊ะมันสับสนไปหมด





เข้ามาในวงการก็โดนบูลลี่ต่อเลย ?
เอ๊ะ : คือเอ๊ะจะโดนมากเลยก็คือเรื่องสีผิว บางคนก็จะบูลลี่ฝั่งใจ ของเอ๊ะ เอ๊ะว่ามันไม่ใช่บูลลี่ เอ๊ะไม่ได้ฝังเป็นปม เอ๊ะอยู่ตรงนี้ เอ๊ะเข้าใจว่าทุกคนก็ต้องมีการคอมเมนต์ แล้วเรามาเป็นนางเอกคนก็ต้องมีความคาดหวัง แล้วพอเราไม่เป็นอย่างที่เขาคาดหวังเขาก็คอมเมนต์ปกติ ไม่ได้คิดว่าเป็นการบูลลี่ คิดว่าเป็นการคอมเมนต์มากกว่า

ละครเรื่องแรก เงาอโศก เห็นว่าในยุคนั้นทั้งพระเอก นางเอก ถูกเขียนดราม่าเยอะมากว่าเป็นเงาทั้งคู่ ?
เอ๊ะ : คือตลกมาก ตอนนั้นคือละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จมาก แล้วเอ๊ะเป็นนางเอกเรื่องแรก คุณแม่บอกว่าขอแค่เขาไม่ด่าก็โอเคแล้ว ปรากฏว่าคนชมเรื่องมันสนุก แต่ก็มีคนด่าว่าเราเล่นไม่ดี แล้วนี่พระเอก นางเอกดำเป็นเงาเลย อยู่ตรงนี้ก็เข้าใจ แต่ตอนนั้นไม่ค่อยเข้าใจ เสียใจ แต่ว่าไม่ท้อ





มันทำให้เราท้อไหม เพราะเป็นละครเรื่องแรก ?
เอ๊ะ : ตอนนั้นไม่ค่อย ในเรื่องของผิวคล้ำ ตอนนั้นขอบคุณด้วยซ้ำ ใครรู้จักเงาอโศก ไปอ่านนิยาย หนึ่งในคาแรกเตอร์นางเอกต้องผิวคล้ำ เอ๊ะรู้สึกว่าเอ๊ะได้เล่น เพราะเอ๊ะผิวคล้ำ

เขาบอกว่าโดนบูลลี่ ไม่เสียใจเท่าโดนด่าว่าเนรคุณ ?
เอ๊ะ : อันนั้นเจ็บค่ะ เพราะว่าย้ายช่อง เพราะว่ายุคนั้นไม่มีใครย้ายแล้วเราย้าย แล้วเอ๊ะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีข่าว แล้วพอนักข่าวพาดหัวข่าวเราเหมือนหมดแรง เราเสียใจ เหมือนคนจะเข้าใจไหม แฟนละครจะเกลียดเราไหม

แล้วทำไมอยู่ดีๆ มาเป็นผู้จัด ?
เอ๊ะ : จริงๆ ความฝันของเอ๊ะ คือตอนเด็กๆ เอ๊ะไม่ได้มีวี่แววเป็นดารา แต่สิ่งที่เอ๊ะพอจะมีวี่แววได้ก็คือเรื่องเรียน แล้วมันเป็นเรื่องที่ทำให้เราภูมิใจ เราคิดว่าเราจะต้องเป็นดอกเตอร์ก่อนอายุ 40 ปี มันเป้นความฝัน แล้วเราก็คิดว่าถ้าเราเล่นละครไม่มีทางที่เราจะเรียนปริญญาเอกได้ เราก็เลยวางแผน เราเล่นละครมาประมาณ 15 ปี มันถือว่าเป็นกำไรสุดๆ แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ได้ทำก็คือการเรียนต่อ ก็เลยวางแผนที่จะมาเป็นผู้จัดเพื่อที่ให้เรามีเวลาในการมาเรียน



อันนี้จริงไหม ได้ข่าวว่าเอ๊ะร้องไห้กลางกอง ?
เอ๊ะ : ไม่จริง เอ๊ะไม่เคยร้องไห้กลางกอง เอ๊ะคิดว่าถ้าเราเป็นผู้จัดเราเป็นฝันและกำลังใจของคนทำงานทั้งกอง ถ้าอยู่ดีๆ เราร้องไห้ทุกคนก็ใจฝ่อกันหมดมันไม่ได้ ถ้าเอ๊ะอยู่ที่กองต่อให้เครียดยังไง เอ๊ะจะไม่ร้องไห้ แต่ถ้าไปร้องกับแม่ 

ณ วันนี้ สถานะความรักเป็นยังไง ?
เอ๊ะ : ก็เหมือนเดิม โสด

ที่ผ่านมาเคยมีแฟนไหม ?
เอ๊ะ : บางคนพูดว่าที่เอ๊ะบอกไม่มีเพราะว่าเป็นดารา เอ๊ะอายุขนาดนี้แล้วเอ๊ะจะมีไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ว่าเอ๊ะก็ไม่มี ตั้งแต่เกิดเลย คือก่อนที่จะเข้าวงการคือชีวิตเรียน พอมาเข้าวงการตอน 15 ปีมีละคร ชีวิตก็โฟกัสแค่สองเรื่อง พออยู่แค่ตรงนั้นเราก็มีความสุขไม่ต้องมีก็ได้



แล้วเวลาเล่นหนังเล่นละครเยอะๆ มีแอบชอบใครบ้างไหม ?
เอ๊ะ : พี่เชื่อไหมถ้าคนไหนที่เอ๊ะแอบชอบแล้วเขาเข้ามาจีบเอ๊ะ เอ๊ะจะยิ่งห่างเลย เราชอบเขาเพราะอะไรรู้ไหม เราเป็นแบบเด็กที่ชอบดูละครน้ำเน่า แต่พอเราได้มาเจอจริงๆ เขาก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น แล้วในความเป็นจริงเราก็ไม่ได้ดีแบบนางเอกในละคร

เหงาไหม ?
เอ๊ะ : ไม่เหงาเลยค่ะ คือครอบครัวเอ๊ะใหญ่มาก ฟังดูอาจจะแปลก แต่คนที่เอ๊ะรู้จักก็มีแบบเอ๊ะเยอะ คนเราจะทำอะไรที่เรามีความสุข เรามีความสุขแบบนี้

หลายคนสงสัย ไม่เปิดใจให้ผู้ชายหรือว่าจะชอบเพศเดียวกัน ?
เอ๊ะ : ไม่มี



สาเหตุของการที่ทำให้เอ๊ะโสดมาถึงทุกวันนี้เพราะแม่จริงไหม ?
เอ๊ะ : จริงๆ ก็ไม่ใช่ คุณแม่เป็นซิงเกิลมัมก็จะมีความเป็นผู้ชาย แมนๆ เขาไม่เคยห้าม แต่ก็จะมีห้าม แต่กฎอันนี้เป็นของพี่สาว พี่สาวจะเสน่ห์แรง อย่าเพิ่งมีแฟนเลยนะลูก เข้ามหาวิทยาลัยก่อนค่อยมี พอปี 1 เท่านั้นแหละพาแฟนมาหาแม่เลย

อาจจะเป็นเพราะว่าเราเห็นคุณแม่เป็นไอดอลอยู่แล้ว แล้วคุณแม่ไม่ประสบความสำเร็จด้านความรัก แล้วเราก็เหมือนมีความกลัวอยู่ลึกๆ ?
เอ๊ะ : เอ๊ะรู้สึก เอ๊ะไม่รู้ว่าเป็นความกลัวหรือเปล่า แต่สิ่งที่เอ๊ะรู้สึกถ้ามีแล้วต้องเลิกก็ไม่ต้องมีก็ได้นะ คือในใจของเรา เรารู้สึกแบบนี้ แต่เราไม่ได้มีทางลบกับผู้ชาย ไม่ได้ฝั่งเป็นปม

แล้วเอ๊ะวางแผนอนาคตยังไง ?
เอ๊ะ : ก็ต้องทำงานเก็บตังค์ มีเงิน มีครอบครัวที่อบอุ่น เอ๊ะไม่ได้อยู่คนเดียว เอ๊ะมีแม่ มีพี่ มีน้อง มีหลาน ถ้าเราดีเพียงพอวันนั้นเขาก็จะดูแลเราเอง