“เทพไท”แนะรัฐบาลเร่งปรับเปลี่ยนวิธีคิดก่อนตกขบวน

2020-03-08 16:00:46

“เทพไท”แนะรัฐบาลเร่งปรับเปลี่ยนวิธีคิดก่อนตกขบวน

Advertisement

“เทพไท”แนะรัฐบาลเร่งปรับเปลี่ยนวิธีคิด แนวทางการทำงานใหม่ หากยังย่ำอยู่กับแนวความคิดแบบเดิมๆ จะล้าหลังกว่ามวลชน ตกขบวนในที่สุด

เมื่อวันที่ 8 มี.ค.  นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรง และ มีปัญหาต่างๆมากมายคอยรุมเร้ารัฐบาล นับตั้งแต่เสียงเรียกร้องให้มีการปรับ ครม. การชุมนุมของนิสิตนักศึกษา ปัญหาการแพร่เชื้อโควิด-19 และกระแสเสียงสนับสนุนจากกองเชียร์ลดน้อยถอยลงเป็นลำดับ ซึ่งรัฐบาลต้องรีบเร่งปรับเปลี่ยนวิธีคิดหรือแนวทางการทำงานใหม่ ถ้าหากยังย่ำอยู่กับแนวความคิดแบบเดิมๆ รัฐบาลก็จะล้าหลังกว่ามวลชน และจะตกขบวนของสังคมไปในที่สุด 

นายเทพไท กล่าวว่า จากปัญหามากมายที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถ้ารัฐบาลไม่แก้ปัญหาในเชิงรุก ก็ต้องกลับมาเป็นฝ่ายตั้งรับเสียเอง จากข้อเสนอให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพในการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อนำปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มาพูดคุยอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ดีกว่าปล่อยให้ปัญหาต่างๆลุกลามหรือเคลื่อนไหวภายนอกสภาซึ่งอาจจะพัฒนาเป็นการชุมนุมตามท้องถนนได้ นับว่าไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์ของบ้านเมืองอย่างแน่นอน 

นายเทพไท กล่าวอีกว่า สำหรับความหวังเรื่องการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอของสมาชิกรัฐสภานั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น เพราะการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ตามมาตรา123 ต้องใช้เสียง1ใน3ของสมาชิกรัฐสภา คือ250คน จะมีแต่สมาชิกฝ่ายรัฐบาล กับสมาชิกวุฒิสภาเท่านั้น ที่จะใช้เสียง1ใน3เข้าชื่อยื่นต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอให้เปิดสภาสมัยประชุมวิสามัญได้ ส่วนสมาขิกพรรคร่วมฝ่ายค้านหมดสิทธิ์ที่จะใช้เงื่อนไขตามมาตรา123 เพราะฝ่ายค้านในขณะนี้มีเสียงประมาณ230เสียงเท่านั้น. ส่วนการใช้ช่องทางตามมาตรา165 เป็นสิทธิ์ของรัฐบาลโดยตรง ที่จะใช้โอกาสนี้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อให้มีการอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกรัฐสภาโดยไม่มีการลงมติ แต่ถ้าสำรวจดูจากท่าทีของฝ่ายรัฐบาลก็ยังไม่มีวี่แววใดๆ ว่ามีความต้องการจะให้มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญแต่ประการใด ซึ่งเห็นได้จากการส่งสัญญานจากประธานวิปรัฐบาล ที่ส่งข้อความห้าม ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ลงชื่อในญัตติการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญอย่างชัดเจน ส่วนการออกมาปฎิเสธว่าไม่มีการห้าม ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลลงชื่อนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะในหมู่สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลเป็นที่รับรู้กันทุกคนว่า รัฐบาลไม่ต้องการให้มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ และจนบัดนี้ยังไม่มีท่าทีใดๆต่อการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญจากรัฐบาลเลย ส่วนการที่มีข้อเสนอให้นำปัญหาที่เกิดขึ้นเข้าสู่การแก้ปัญหาผ่านคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คัน เพราะหลายปัญหาเป็นปัญหาการเมือง ต้องระดมความคิดจากหลายๆฝ่าย และต้องมีคณะกรรมาธิการวิสามัญเป็นการเฉพาะโดยตรงจะเหมาะสมกว่า 

“เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเดินมาถึงตอนนี้แล้ว ก็เป็นทางเลือกของรัฐบาลในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ว่ารัฐบาลจะนำปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นนำเข้าสู่รัฐสภาเพื่อปัญหาในระบบ หรือจะปล่อยให้ปัญหาที่เกิดขึ้นกระจัดกระจายอยู่บนท้องถนน แก้ปัญหากันไปตามยถากรรม ซึ่งจะเป็นการล่อแหล่ม และสุ่มเสี่ยงต่อการกลับมาของอำนาจนอกระบบเป็นอย่างยิ่ง” นายเทพไท กล่าว