ทส.รุกภาคใต้งดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว

2020-03-06 01:00:05

ทส.รุกภาคใต้งดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว

Advertisement

ทส.รุกภาคใต้งดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว เร่งจัดทำกฎหมาย ลดปัญหาขยะทะเล

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.  นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานพิธีเปิดและมอบนโยบายการบริหารจัดการขยะพลาสติกในการประชุมเชิงปฏิบัติการ แนวทางการงดใช้ถุงพลาสติกในตลาดสดและร้านขายของชำและแนวทางการจัดทำกฎหมายจัดการขยะพลาสติก ครั้งที่ 3 ณ โรงแรมไดมอนด์พลาซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวต้อนรับและร่วมเปิดประชุม และผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ในพื้นที่ภาคใต้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ นักกฎหมาย นักสิ่งแวดล้อม ผู้แทนห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ร้านขายของชำ และประชาชน มากกว่า 150 คน 

นายประลอง เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีขยะพลาสติกเกิดขึ้นประมาณร้อยละ 12 ของปริมาณขยะที่เกิดขึ้นทั้งหมดหรือประมาณปีละ 2 ล้านตัน และสามารถนำกลับไปใช้ประโยชน์ได้เพียงเฉลี่ยปีละ 0.5 ล้านตันเท่านั้น บางส่วนตกค้างในสิ่งแวดล้อม และอาจเกิดปัญหาขยะในทะเลได้ ขยะในทะเลส่วนใหญ่มาจากแหล่งท่องเที่ยว เช่น ขวดน้ำพลาสติก ขวดแก้ว ฝาขสดน้ำ ถุงพลาสติก โฟม และเศษบุหรี่ เป็นต้น ถัดมาคือขยะจากการทำการประมง เช่น อวน เชือก เป็นต้น และยังมีขยะที่เกิดจากบุคคล ครัวเรือน อุตสาหกรรม ขยะเหล่านี้ส่วนหนึ่งจะถูกปล่อยลงแหล่งน้ำต่างๆ จากลำคลอง สู่แม่น้ำ ท้ายที่สุดแล้วก็จะมีขยะส่วนหนึ่งลงสู่ท้องทะเล ปัญหาขยะล้นทะเลไทยเป็นเพียงหนึ่งในหลายปัญหา ที่สะท้อนให้เห็นว่าบ้านเรายังขาดการจัดการขยะอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งประเทศไทยมีจังหวัดที่ติดชายฝั่งทะเลรวม 23 จังหวัด (ภาคใต้ 13 จังหวัด) เกาะต่างๆอีก 900 เกาะ มีความยาวชายฝั่งทะเลประมาณ 3,150 กิโลเมตร มีขยะลงไปในทะเลประมาณ 30,000-50,000 ตันต่อปี การจัดอันดับขยะทะเลของโลกประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 10

รัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากขยะพลาสติก ทส. ได้จัดทำโรดแมพการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 – 2573 เพื่อใช้เป็นกรอบและทิศทางการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการจัดการขยะพลาสติกของประเทศ ประกอบด้วย 2 เป้าหมาย เป้าหมายที่ 1 คือ การลด และเลิกใช้พลาสติกเป้าหมาย ด้วยการใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะดำเนินการกับประเภทและชนิดของพลาสติกที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้และก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำหนดการเลิกใช้พลาสติก 3 ชนิด ภายในปี 2562 ได้แก่ 1) พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม 2) ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ผสมสารอ๊อกโซ่ และ3) ไมโครบีดส์ และกำหนดเลิกใช้พลาสติก 4 ชนิด ภายในปี 2565 ได้แก่ 1) ถุงพลาสติกหูหิ้วขนาดความหนา น้อยกว่า 36 ไมครอน 2) กล่องโฟมบรรจุอาหาร 3) แก้วพลาสติก (แบบบางใช้ครั้งเดียว) และ 4) หลอดพลาสติก และเป้าหมายที่ 2 มีการนำขยะพลาสติกเป้าหมายกลับมาใช้ประโยชน์ ร้อยละ 100 ภายในปี 2570

นายประลอง กล่าวว่า ถุงพลาสติกหูหิ้วขนาดบางหรือถุงก๊อบแก๊บ เป็น 1 ใน 7 ชนิดของพลาสติกเป้าหมายที่ต้องเลิกใช้ภายในปี 2565 โดยมีปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วในประเทศไทย 45,000 ล้านใบต่อปี ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ ร้อยละ 30 ร้านขายของชำ ร้อยละ 30 และตลาดสด ร้อยละ 40 ในปี 2563 ทส. ได้ร่วมมือจากภาคีเครือข่ายภาคธุรกิจเอกชน ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ กว่า 90 ราย ในการงดให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้วกับลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป พร้อมทั้งยังเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินงานสามารถสำเร็จได้ตามวัตถุประสงค์ เป็นความสำเร็จในระดับประเทศ

เพื่อการจัดการพลาสติกให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในวันนี้เราจะขอความร่วมมือกับจากผู้ว่าราชการจังหวัดในการขับเคลื่อนการงดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วขนาดบางหรือถุงก๊อบแก๊บในตลาดสดและร้านขายของชำที่อยู่ในพื้นที่ โดยจัดให้มีตลาดสดต้นแบบที่งดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว อย่างน้อย จังหวัดละ 1 แห่ง เพื่อเป็นต้นแบบ และสำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการ แนวทางการงดใช้ถุงพลาสติกในตลาดสดและร้านขายของชำและแนวทางการจัดทำกฎหมายจัดการขยะพลาสติกในครั้งที่ 3 นี้ เป็นการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง นำไปประกอบการพิจารณาในกระบวนการจัดทำกฎหมายจัดการขยะพลาสติกต่อไป