ครูโรงเรียนดังเชียงใหม่เศร้า นักศึกษาจีนรวมเงิน 8 หมื่นสั่งซื้อหน้ากาก N95 หวังส่งบริจาคช่วยเพื่อนมนุษย์ โดนเชิดเงินหนี
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 2 ก.พ. ที่สถานีตำรวจภูธรสารภี จ.เชียงใหม่ ได้มี น.ส.ปภาพร (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี อยู่บ้าน ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ครูโรงเรียนเอกชนชื่อดังของ จ.เชียงใหม่ ได้นำหลักฐานเป็นสลิปโอนเงิน และหลักฐานการพูดคุยเจรจาซื้อสินค้า เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.สราวุฒิ คละไฮ สารวัตรสอบสวนสภ.สารภี จ.เชียงใหม่ กรณีสั่งซื้อของทางออนไลน์ สูญเงินจำนวน 81,000 บาท แต่กลับโดนเชิดเงินหนี
น.ส.ปภาพร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ไวรัสโคโรนา หรือไวรัสอู่ฮั่น ซึ่งกำลังระบาดหนักมีผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เป็นโรคที่หวั่นเกรงไปทั่วโลกเพราะเป็นการระบาดอย่างหนัก ตนเองเป็นครู มีลูกศิษย์แลกเปลี่ยนที่เป็นคนจีน อยู่จำนวนมากทั้งที่โรงเรียน และที่สถาบันสอนเปียโน พอเรื่องราวนี้เกิดขึ้นทุกคนก็มานั่งคุยกัน อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ โดยที่ทำได้คือ จัดซื้อหน้ากากกันเชื้อโรคN95 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดป้องกันเชื้อโรคไวรัสอู่ฮั่น ได้ โดยทุกคนตั้งใจจะรวบรวมเงิน เพื่อสั่งซื้อก่อนจะส่งไปที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เพื่อบริจาคช่วยเหลือประชาชนชาวเมือง ตนจึงได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก ประกาศหาซื้อต่อมาได้มีมิจฉาชีพชื่อ ภู และชื่อต้น แอดข้อความมาพูดคุยว่าทำงานอยู่ใน รพ.รัฐชื่อดัง สามารถนำหน้ากากN95 ออกมาจำหน่ายให้ได้ในราคาถูก โดยในช่วงพูดคุยกันวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยทั้งสองคนทำทีพูดคุยในแชทเฟซบุ๊ก และโทรศัพท์มา ว่าอยากช่วยเพื่อนมนุษย์ ที่ประสบภัย ตนจึงโอนเงินค่ามัดจำไปให้จำนวน 5,500 บาท และอีก 1-2 วันก็ทยอยโอนเรื่อยๆรวมเงินที่โอนไปจำนวน 81,000 บาท และคนร้ายก็บอกว่าจะนำของมาส่งที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
เช้าตรู่วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา ตนก็ไปรอรับของ แต่ปรากฏว่าไม่มาส่งของ โทรไปก็ปิดเครื่อง แชทเฟซหาก็ปิดเฟซหนีไปแล้ว จึงเชื่อว่าถูกแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวง จึงนำหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นบทเรียน และตนก็ทราบว่ามีผู้เสียหายที่ถูก 2คนนี้หลอกในเชียงใหม่อีก 5 ราย ซึ่งทุกรายก็จะทยอยแจ้งความต่างที่กัน เรื่องนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพงไม่คาดว่าจะมีคนฉวยโอกาสเหตุร้ายแรง มาแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวเช่นนี้
ด้าน พ.ต.ต.สราวุฒิ คละไฮ สารวัตรสอบสวนสภ.สารภี จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า คดีนี้ต้องขอสอบสวนและรวบรวมหลักฐานในแชททั้งหมดรวมถึง หลักฐานการโอนเงินที่ได้รับมา และเรียกตัวเจ้าของบัญชีมาสอบสวน อาจจะเข้าข่ายความผิดยักยอกทรัพย์ หรือฉ้อโกง ซึ่งคดีนี้ไม่ยากเพราะมีชื่อบัญชีการโอนเงิน ก็จะเร่งดำเนินการทางกฎหมายกับคนร้ายต่อไป