“วิษณุ”ชี้ พ.ร.บ.งบล่าช้าไม่ทำให้วิบัติ ระบุคดีเสียบบัตรแทนกันในอดีตไม่สามารถนำมาเป็นบรรทัดฐานกับปัจจุบันได้
เมื่อวันที่ 22 ม.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส.ในการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ซึ่งอาจทำให้การประกาศใช้พ.ร.บ.งบประมาณล่าช้าออกไป ว่า จะเป็นความผิดหรือไม่นั้นอยู่ที่ทางสภาฯ เป็นผู้ตรวจสอบ ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัย เรื่องของการเสียบบัตรแทนกัน ถือว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กรณี พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ซึ่งเราต้องเข้าใจว่ากรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ มีทั้งส่วนที่เหมือนและต่างกับในอดีต ตนไม่ขอตอบและไม่ชี้นำว่าผลจะเป็นประการใด หรือจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ต้องรอให้สภาผู้แทนราษฎรสรุปผลสอบข้อเท็จจริงออกมาให้ได้เสียก่อน ว่าเป็นการเสียบบัตรแทนกัน หรือเสียบคาไว้ หรือเป็นความบกพร่องของระบบเครื่องลงคะแนน
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันเมื่อปี 2556 และ 2557 เป็นการเสียบบัตรแทนกันหลายใบ ซึ่งขณะนั้นศาลเชื่อว่าอาจจะมีมากกว่า 4-5 ใบ แต่กรณีล่าสุดนี้มีความชัดเจนว่ามีเพียง 1 ใบ เว้นแต่จากนี้ไปจะปรากฏความชัดเจนออกมาว่ามีใบที่ 2 หรือ 3 ตามมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ตนอยากให้สื่อมวลชนได้เห็นความแตกต่าง อย่างไรก็ตาม หากใครยังรู้สึกมีความคลางแคลงใจ ก็สามารถยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ เพราะฉะนั้นร่างพ.ร.บ.งบประมาณจะโมฆะหรือไม่ อย่าเพิ่งไปใช้คำนั้น การลงมติแบบนั้นจะทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ถูกต้องไปด้วยหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ผมไม่ตอบ ไม่ชี้นำ ไม่วินิจฉัย และไม่รู้ สิ่งเหล่านี้ต้องเป็นประเด็นที่จะต้องนำไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ผลการวินิจฉัยในอดีตไม่ได้เป็นบรรทัดฐาน 100 เปอร์เซ็นต์ต่อคดีในปัจจุบันทุกกรณี เว้นแต่ศาลจะมองว่าเป็นรูปแบบเดียวกัน เพราะบางเรื่องกฎหมายก็ต่างกัน หากมีการส่งเรื่องดังกล่าวไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แล้วศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้จะทำให้การออกประกาศใช้พ.ร.บ.งบประมาณล่าช้าออกไป แต่ผลกระทบจากตรงนั้นคงไม่วิบัติอย่างที่ใครเขาคิดกัน”นายวิษณุ กล่าว