ถล่มทหารไนเจอร์ ตาย 2 ฝ่ายกว่า 166 ศพ

2020-01-14 12:55:04

ถล่มทหารไนเจอร์ ตาย 2 ฝ่ายกว่า 166 ศพ

Advertisement

รัฐบาลไนเจอร์ปรับตัวเลข จำนวนทหารที่เสียชีวิต จากการยิงปะทะกับกลุ่มก่อการร้าย แนวร่วมกลุ่มไอเอส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นอย่างน้อย 89 ศพ ส่วนฝ่ายก่อการร้ายถูกสังหารกว่า 77 ศพ พร้อมกับประกาศให้ประชาชนทั่วประเทศ ร่วมกันไว้อาลัยเป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันจันทร์

แถลงการณ์ของรัฐบาลไนเจอร์ เมื่อวันอาทิตย์ กล่าวว่า ความคืบหน้าเหตุการณ์กลุ่มก่อการร้ายแนวร่วมกลุ่มไอเอส บุกโจมตีฐานทหารส่วนหน้ากองทัพไนเจอร์ ในเมืองชินาโกรดราร์ ใกล้เขตแดนประเทศมาลี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ม.ค. ซึ่งเบื้องต้นกองทัพไนเจอร์แถลงว่า มีทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 25 นาย แต่ล่าสุดตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 89 นาย ส่วนกลุ่มก่อการร้ายเสียชีวิตอย่างน้อย 77 คน

ฐานส่วนหน้าดังกล่าว มีทหารต่างชาติจากฝรั่งเศสและสหรัฐ ที่สนับสนุนปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ประจำการอยู่ด้วย




ในแถลงการณ์ฯ รัฐบาลไนเจอร์ขอให้ประชาชนร่วมกันไว้ทุกข์ ต่อทหารที่เสียชีวิต เป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 ม.ค.

จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกประกาศอ้างความรับผิดชอบ แต่ทางการไนเจอร์เชื่อว่าเป็นแนวร่วมกลุ่มไอเอส กลุ่มเดียวกันกับที่เคยดักซุ่มโจมตีทหารไนเจอร์ ในเมืองอินาเต เมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทหารเสียชีวิตถึง 71 นาย



ด้านประธานาธิบดีมาอามาดู อีซูฟู ผู้นำไนเจอร์ ร่วมพิธีศพทหาร 89 นายที่สุสานทหารในกรุงนีอาเม เมืองหลวงของไนเจอร์ หลังทหารทั้ง 89 นาย เสียชีวิตจากการถูกกลุ่มติดอาวุธโจมตีหนักหน่วงที่สุดในประเทศเท่าที่จำความได้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ประธานาธิบดีอีซูฟู สวดมนต์ที่สุสานพร้อมกับนายกรัฐมนตรีบรีกี ราฟีนี, โมฮาเหม็ด บาซูม รัฐมนตรีมหาดไทย และอีซูฟู คาตัมเบ รัฐมนตรีกลาโหม ก่อนที่จะเดินทางไปเข้าร่วมประชุมสุดยอดความมั่นคง จี5 ในฝรั่งเศส ซึ่งมีประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ โดยจะมีการหารือมุ่งเน้นไปที่เสถียรภาพในภูมิภาคซาเฮล

ส่วนในช่วงเช้า ประธานาธิบดีอีซูฟูได้ประชุมคณะรัฐมนตรี หลังเขาประกาศปลดอาเหม็ด โมฮาเหม็ด ผู้บัญชาการกองทัพ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้นำกองทัพมา 2 ปี อันเป็นช่วงเวลาที่เกิดการโจมตีจากกลุ่มหัวรุนแรงเครือข่ายกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม หรือไอเอส และอัลกออิดะห์ อย่างหนักหน่วงรุนแรงบ่อยครั้ง



รัฐบาลประกาศหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า พลตรีซาลีฟู โมดี ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพแทนโมฮาเหม็ดในวันจันทร์