งบกองทัพ 1.2 แสนล้านฉลุย

2020-01-09 10:26:53

งบกองทัพ 1.2 แสนล้านฉลุย

Advertisement

งบกองทัพ 1.2 แสนล้าน ฉลุย ฝ่ายค้านถลกเละ แต่ไม่เป็นผล ยืนตามกมธ.เสียงข้างมาก

เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ผู้สืื่อข่าวรายงานว่า  สำหรับการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วาระ 2 เมื่อคืนวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ ส.ส.ต่างอภิปรายปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในกำกับ จำนวน 1.2 แสนล้านบาทเนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพของการปฏิบัติภารกิจทหาร เช่น การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่า 16 ปีแต่ไม่สามารถแก้ปัญหาให้คลี่คลายได้ โดยนายซูการ์โน่ มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า ตนขอปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม 30% เพราะความล้มเหลวในการแก้ปัญหาไฟใต้ โดยตลอด16 ปี พบการสูญเสียของตำรวจและทหาร เป็นจำนวนมาก อีกทั้งตนคิดว่า ประเทศอยู่ในภาวะปกติ ไม่ได้อยู่ในสภาวะสงคราม ดังนั้น ต้องมีการตั้งงบประมาณกองทัพให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ โดย 5 ปีที่ผ่านมา กองทัพตั้งงบประมาณโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการตั้งตอบโจทย์ผิด และควรนำงบในส่วนนี้มาพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น การศึกษา สำคัญกว่าการจัดซื้อาวุธ ซึ่งที่ผ่านมา การขัดซื้ออาวุธทั้ง การจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 รวมทั้งเรือเหาะ และตามมาด้วยเรือดำน้ำ ถือเป็นการล้มเหลวของการจัดซื้ออาวุธ ซึ่งตนมองว่า ไม่เกิดประโยชน์

ขณะที่ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายขอลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม 10 % พร้อมตั้งคำถามถึงการจัดสรรงบลบในกระทรวงให้กับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ดูแลงานด้านกฎหมายและนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ เดือนละ 1 ล้านบาท ซึ่งขอให้กมธ. ชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวว่า ทราบและตรวจสอบหรือไม่ ว่าจัดสรรงบลับให้รองนายกฯ​ที่ไม่เกี่ยวกับงาานทหารเพื่ออะไร หากงบประมาณใช้ไม่หมดควรส่งคืนคลัง

ด้าย นายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาประชาชนอาจจะแคลงใจในการจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่ตนชี้ว่า โครงการดังกล่าวเป็นจัดซื้อแบบจีทูจี ส่วนในเรื่องความลึกของระดับน้ำของอ่าวไทย กับทะเลอันดามันนั้น ที่ผ่านมามีการซ้อมรบ โดยสหรัฐอเมริกา นำเรือดำน้ำของตัวเองมาร่วมซ้อมด้วย โดยมีขนาดใหญ่ถึง 7,500 ตัน ยังมาซ้อมในน่านน้ำไทยได้ ขณะที่เรือดำน้ำที่เราซื้อมามีขนาดเพียง 2,000 ตันเท่านั้น จึงไม่น่ามีปัญหา ซึ่งการจัดซื้อเพียง 3 ลำจากการต้องดูแลน่านน้ำยาวถึง 3.2 แสนตารางกิโลเมตร ถือว่ากองทัพเรือช่วยประหยัด เพราะเราจำเป็นต้องมีถึง 3-4 ลำ เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน อย่าง เวียดนามมี 6 ลำอินโดนีเซีย 5 ลำ สิงค์โปร์​4 ลำ มาเลเซีย 2 ลำ พม่าก็มีแผนจะรับมอบ 2 ลำและ ฟิลิปปินส์กำลงจัดหา 3 ลำ ดังนั้น ถ้าเราไม่เตรียม แสนยานุภาพให้ทันเทียม ความเกรงอกเกรงใจก็จะลดลง หากความมั่นคงของประเทศไม่มี ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ก็ไม่เกิด กำลังต่อรองของเราก็น่าจะกังวลใจ

กระทั่ง เวลา 23.10 น.ที่ประชุมเสียงข้างมากมีมติ 247 ต่อ 195 งดออกเสียง 11 เห็นชอบมาตรา 8 ที่กมธ.เสียงข้างมากได้มีการแก้ไขจากร่างเดิม