ผู้ว่าการการประปานครหลวง ยืนยันน้ำประปาที่ผลิตออกมาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก มีเพียงรสชาติที่เปลี่ยนแปลงไปในบางช่วงเวลาเท่านั้น แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในผู้ที่มีสุขภาพปกติ สามารถบริโภคน้ำประปาได้
เมื่อวันที่ 6 ม.ค. นายปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดภัยแล้ง น้ำในเขื่อนมีน้อย ไม่เพียงพอที่จะปล่อยมาผลักดันน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งที่ผ่านมา กปน.ได้หลีกเลี่ยงการสูบน้ำดิบเพื่อการผลิตน้ำประปาในช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุนสูง แต่เนื่องจากสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในปีนี้ มีความรุนแรงสูงสุดในรอบ 50 ปี จึงยังคงมีความเค็มผ่านเข้ามาในระบบ ประกอบกับระบบผลิตน้ำของ กปน.ไม่สามารถกำจัดความเค็มออกจากน้ำดิบได้ จึงส่งผลให้รสชาติของน้ำประปาในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเปลี่ยนไปสามารถรับรู้ถึงรสชาติกร่อย ซึ่งความเค็มในรูปคลอไรด์เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร หรือโซเดียมเกิน 200 มิลลิกรัมต่อลิตร มีปริมาณสูงกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่มีผลต่อความน่าดื่มและการยอมรับของผู้บริโภค
“กปน.ยืนยันว่าน้ำประปาที่ผลิตออกมาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลกทุกประการ มีเพียงรสชาติที่เปลี่ยนแปลงไปในบางช่วงเวลาเท่านั้น แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในผู้ที่มีสุขภาพปกติ สามารถบริโภคน้ำประปาได้ เนื่องจากคนเราควรบริโภคเกลือไม่เกินหนึ่งช้อนชาต่อวัน (2,000 มิลลิกรัม) ซึ่งร่างกายมักได้รับโซเดียมจากอาหารทั่วไปมากกว่าในน้ำประปา ส่วนปริมาณความเข้มที่พบในช่วงน้ำประปามีรสชาติอร่อยนั้นถือว่าน้อยมาก เฉลี่ยประมาณแก้วละ 35 มิลลิกรัมเท่านั้น ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคได้แก่ ผู้ที่เป็นโรคไต โรคหัวใจโรคความดันสูง โรคเบาหวาน โรคทางสมอง ผู้สูงอายุและเด็กเล็ก การแยกความเค็มออกจากน้ำ ทำได้โดยกระบวนการกรองด้วยระบบ รีเวิร์ส ออสโมซิส (RO) หรือการใช้หม้อต้มกลั่น หากประชาชนจะซื้อเครื่องเหล่านี้มาใช้ในการกรองน้ำ ไม่แนะนำเพราะเครื่องสามารถกำจัดแร่ธาตุในน้ำที่จำเป็นต่อร่างกายออกไป อีกทั้งยังมีราคาแพง เพราะภาวะน้ำเค็มไม่ได้เกิดขึ้นในทุกช่วง”นายปริญญา กล่าว
นายปริญญา กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือประชาชนของ กปน.ได้เปิดจุดจ่ายน้ำประปาเพื่อให้หน่วยงานราชการในจังหวัดใกล้เคียงสามารถนำภาชนะหรือรถบรรทุกน้ำของทางราชการมาขอรับน้ำประปาได้ฟรี และได้จัดให้บริการน้ำประปาดื่มได้ โดยเป็นน้ำประปาจากโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำเค็ม ประชาชนทั่วไปสามารถนำภาชนะมารองรับน้ำประปาได้ที่สำนักงานประปาสาขาใกล้บ้านทั้ง 18 แห่ง