สังหารโซเลมานี ดันราคาน้ำมันโลกพุ่งทะยาน

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ร้อนระอุขึ้นตั้งแต่ปี 2561 เมื่อสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งมีจุดประสงค์ยับยั้งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และป้องกันอิหร่านไม่ให้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ จากนั้น สหรัฐก็หันกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจของอิหร่านย่ำแย่ และยังควบคุมการส่งออกน้ำมันของอิหร่านอย่างเข้มข้นอีกด้วย

การโจมตีทางอากาศเด็ดชีพพลตรีโซเลมานีครั้งนี้ จุดชนวนให้เกิดความกลัวว่าจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงด้านการผลิตพลังานในภูมิภาค ราคาน้ำมันระหว่างประเทศ น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent Crude) เพิ่มขึ้น 3.5% ในวันศุกร์ ขณะที่ ราคาน้ำมันในสหรัฐ น้ำมันดิบดับบลิวทีไอ (WTI Crude) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ West Texas Intermediate เพิ่มขึ้นประมาณ 3% ซึ่งการเพิ่มขึ้นนี้ นักลงทุนคาดว่า การสังหารโซเลมานี เป็นปัจจัยหนึ่งด้วย

แต่หากการโจมตีนำไปสู่การเผชิญหน้าทางทหารที่กว้างขึ้น ตามที่มีการคาดการณ์ ก็อาจทำให้ราคาน้ำมันทะยานสูงขึ้นกว่านี้อีกแน่นอน

ตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคของประเทศผู้ผลิตน้ำมันใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งรวมทั้งอิรัก ที่สหรัฐและอิหร่านปะทะกันอยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้ 1 ใน 5 ของการขนส่งน้ำมันโลกก็ต้องผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ก่อนเข้าถึงอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งเป็นช่องแคบที่ถือว่า อิหร่านมีอิทธิพลอย่างมาก และเคยโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันมาแล้วหลายครั้งเมื่อปีที่แล้ว