ผลการลงประชามติของชาวเกาะบูเกนวิลล์ เกาะขนาดใหญ่สุดนอกชายฝั่งทางทิศตะวันออกของปาปัวนิวกินี ปรากฏว่า เสียงสนับสนุนให้แยกตัวออกจากปาปัวนิวกินี เป็นประเทศเอกราชน้องใหม่ของโลก สูงเกือบ 100 เปอร์เซนต์
คณะกรรมการการลงประชามติบูเกนวิลล์ ที่มีนายเบอร์ตี อาเฮิร์น อดีตนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐไอร์แลนด์ เป็นประธาน ประกาศผลการลงประชามติ ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 23 พ.ย.ถึงวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ชาวบูเกนวิลล์ 176,928 คน คิดเป็นอัตรา 98 เปอร์เซนต์ของผู้ออกไปใช้สิทธิ์ทั้งหมด เห็นด้วยการกับแยกตัวออกจากปาปัวนิวกินี และก่อตั้งเป็นประเทศใหม่ โดยมีเพียง 3,043 คน ที่ต้องการให้บูเกนวิลล์เป็นดินแดนส่วนหนึ่งของปาปัวนิวกินีต่อไป แต่มีอำนาจในการปกครองตนเองมากขึ้น
การลงประชามติครั้งนี้ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่นายเชน แม็คลีด นักวิเคราะห์แห่งสถาบันโลวี ในเมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย กล่าวว่า ผลการลงประชามติทำให้ไม่มีทางเลี่ยง ที่บูเกนวิลล์จะต้องแยกตัวเป็นประเทศเอกราชอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
แต่หากชาวบูเกนวิลล์ต้องการให้ผลประชามติเป็นจริง ต้องมีการเจรจากับรัฐบาลปาปัวนิวกินี และผลประชามติจะต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา ในกรุงพอร์ตมอร์สบี และหลังจากนั้นกระบวนการก่อตั้งประเทศใหม่ ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี
การลงประชามติของชาวบูเกนวิลล์ เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพปี พ.ศ. 2544 เพื่อยุติสงครามสู้รบระหว่างกลุ่มกบฏบูเกนวิลล์ กับกองทัพรัฐบาลปาปัวนิวกินี ที่เริ่มเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว จนถึงปี 2542 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20,000 คน.