รัฐบาลสหรัฐกล่าวหาเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอิหร่าน สังหารประชาชนกว่า 1,000 คน ในระหว่างการปราบปรามการประท้วงรัฐบาลขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ลุกลามไปทั่วประเทศเมื่อเร็วๆ นี้ โดยตัวเลขที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุ สูงกว่ามากหากเทียบกับการประเมินของหลายองค์กรสิทธิมนุษยชนและอื่นๆ ก่อนหน้านี้ นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐไม่ได้มีการแสดงหลักฐานเอกสาร เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหาด้วย
นายไบรอัน ฮุค ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลสหรัฐฝ่ายกิจการอิหร่าน เผยเมื่อวันพฤหัสบดี ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตตามที่ระบุ รวบรวมจากรายงานหลายแห่งในอิหร่าน รวมทั้งจากการวิเคราะห์ด้านข่าวกรอง โดยนายฮุคยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เมืองมาห์ชาร์ ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอิหร่าน ซึ่งทหารของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ใช้ปืนกลกราดยิงผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 100 ศพ รัฐบาลสหรัฐได้รับและตรวจสอบคลิปวิดีโอเหตุการณ์นี้โดยละเอียดแล้ว
ฮุค กล่าวอีกว่า ผู้ประท้วงในอิหร่านยังถูกจับกุมอีกกว่า 7,000 คน ส่วนใหญ่ถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำ 2 แห่ง ซึ่งนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวแถลงต่อที่ประชุมสภาคองเกรสสหรัฐ เมื่อวันพฤหัสบดี ว่า สหรัฐจะคว่ำบาตรเรือนจำอิหร่านทั้ง 2 แห่ง ฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง
ก่อนหน้านี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศชื่อดัง แอมเนสตี อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ องค์การนิรโทษกรรมสากล ออกแถลงการณ์ระบุว่า ผู้ประท้วงในอิหร่านถูกเจ้าหน้าที่สังหารอย่างน้อย 208 ราย แต่ตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้ ความเห็นของนายฮุคมีขึ้นขณะที่รัฐบาลกำลังเพิ่มแรงกดดัน “ระดับสูงสุด” ต่อรัฐบาลอิหร่าน ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่สหรัฐถอนตัวอออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ปี พ.ศ. 2558 ระหว่างอิหร่านกับ 6 ชาติมหาอำนาจโลกและสหภาพยุโรป เมื่อเดือน พ.ค. ปีที่แล้ว ก่อนจะตามด้วยการประกาศมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ ในเดือน พ.ย.ปีเดียวกัน.