ชาวฟิลิปปินส์เก็บกวาดบ้านเรือน และเศษซากสิงปรักหักพัง เมื่อวันอังคาร (3 ธ.ค.) หลังจากพายุไต้ฝุ่นลูกใหญ่ “คัมมูริ” พัดผ่าน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย
เจ้าหน้าที่ทางการฟิลิปปินส์อพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงราว 250,000 คน ก่อนไต้ฝุ่นคัมมูริ หรือที่ชาวฟิลิปปินส์เรียกชื่อว่าพายุติซอย (Tisoy) พัดขึ้นฝั่งทางภาคตะวันออกตอนกลาง เมื่อคืนวันจันทร์ ด้วยกำลังแรงของลมใกล้ศูนย์กลางถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สร้างความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน และสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งต้นไม้ใหญ่หักโค่นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์กล่าวว่า การอพยพช่วยลดความสูญเสียต่อชีวิตของประชาชนได้อย่างมาก พร้อมกับเตือนประชาชนให้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน คลื่นพายุสูงซัดฝั่ง และดินโคลนภูเขาถล่ม หลังจากพายุคัมมูริ ซึ่งเป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 20 ที่พัดกระหน่ำฟิลิปปินส์ เคลื่อนตัวผ่านเลยออกไปสู่ทะเลจีนใต้
เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนฟิลิปปินส์ เผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นคัมมูริ 3 ราย โดยรายแรกชายคนหนึ่งถูกกระแสไฟฟ้าช็อต ขณะซ่อมหลังคาบ้าน ในจังหวัดคามารีนส์ ซูร์ ส่วนอีก 2 คนซึ่งไม่ยอมอพยพตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ เสียชีวิตในเมืองโอเรียนทัล มินโดโร่ จากต้นไม้หักโค่นทับ และอีกคนจากแผ่นสังกะสีมุงหลังคาบ้านหลุดปลิวกระแทกร่าง
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เนื่องจากกระแสลมแรง ทำให้สนามบินนินอย อาคีโน ปิดอาคารที่พักผู้โดยสารทั้ง 4 อาคารจากเวลา 11.00 น. ถึง 23.00 น.วันอังคารตามเวลาท้องถิ่น และยกเลิกเที่ยวบินโดยสารอย่างน้อย 499 เที่ยว ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารประมาณ 100,000 คน การปิดสนามบินอาจขยายเวลาออกไปอีก หากสภาพอากาศไม่ดีขึ้น และแนะนำบรรดาผู้โดยสาร ไม่ให้เดินทางไปยังสนามบิน จนกว่าจะมีการแจ้งข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ ยังไม่ได้มีการแจ้งเตือน หรือแจ้งการกลับมาให้บริการ