นักเรียนนักศึกษาอิรัก เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงในกรุงแบกแดด เมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ขณะที่รัฐสภาลงมติอนุมัติการลาออกจากตำแหน่งของนายอาเดล อับดุล มาห์ดี นายกรัฐมนตรี หลังเกิดการประท้วงรุนแรงต่อต้านรัฐบาล ติดต่อกันหลายสัปดาห์ สร้างความปั่นป่วนไปทั่วประเทศ
การตัดสินใจประกาศลาออกของนายมาห์ดี เมื่อวันที่ 29 พ.ย. มีขึ้นหลังจาก อยาตอลลาห์ อาลี อัล-ซิสจานี ผู้นำสูงสุดของชาวนิกายชีอะห์ในอิรัก เรียกร้องให้รัฐสภาในกรุงแบกแดด พิจารณาถอนการสนับสนุนรัฐบาลภายใต้การนำของมาห์ดี เพื่อยุติความรุนแรงจากการปะท้วง
เบื้องต้นยังไม่แน่ชัดว่า ใครจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทนนายมาห์ดี ขณะที่ประธานรัฐสภากล่าวว่า ประธานาธิบดีบาร์ฮัม ซาเลห์ ของอิรัก จะถูกร้องขอให้เสนอชื่อนายกฯ คนใหม่
การประท้วงรุนแรงในอิรัก ในกรุงแบกแดดและหลายเมืองใหญ่ทางภาคใต้ ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค. เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการบริหารปกครองของรัฐบาลภายใต้การนำของมาห์ดี ที่เพิ่งทำหน้าที่ได้เพียง 1 ปีกว่า ตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่แล้ว การควบคุมสถานการณ์แบบเฉียบขาดของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ทำให้ผู้ประท้วงเสียชีวิตเกือบ 400 ศพ และบาดเจ็บประมาณ 15,000 คน ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน
ส่วนสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสต์จักรนิกายโรมัน คาทอริก ทรงตำหนิรัฐบาลอิรักในการกวาดล้างกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งกองกำลังรักษาความมั่นคงยิงกระสุนจริง, แก๊สน้ำตาและระเบิดควันเข้าใส่ผู้ประท้วง จนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก โป๊ปฟรานซิส ตรัสในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นการสื่อสารกับศาสนิกประจำสัปดาห์ของพระองค์ว่า พระองค์ติดตามสถานการณ์ในอิรักด้วยความกังวล มันเจ็บปวดที่ได้ทราบว่า ผู้ประท้วงต้องเผชิญหน้ากับการตอบโต้อย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน
โป๊ปฟรานซิส ซึ่งเคยตรัสว่า พระองค์ต้องการเยือนอิรักในปีหน้า ตรัสว่า พระองค์ทรงสวดมนต์ให้ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บและวิงวอนพระผู้เป็นเจ้าประทานสันติสุขให้เกิดในอิรัก