สภาล่ม-วอล์คเอ้าท์ การเมืองเรื่องต่อรองเจรจา

2019-11-29 20:00:51

สภาล่ม-วอล์คเอ้าท์ การเมืองเรื่องต่อรองเจรจา

Advertisement

ประชุมสภาผู้แทนฯ สมัย 62/1  ฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตฝ่ายค้าน 2 ครั้ง ผลจากของเสียง 2 ฝ่ายก้ำกึ่งปริ่มน้ำ และส่อเค้าลางมาตั้งแต่เลือกรองประธานสภาฯ คนที่  1  แล้ว


ครั้งนี้เป็นหนแรก สำหรับสมัยประชุม 62/2 ที่รัฐบาลแพ้โหวตฝ่ายค้าน ญัตติตั้งกรรมาธิการศึกษาผลกระทบจากคำสั่งตาม ม.44 ของหัวหน้า คสช. แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาด้วย คือเป็นครั้งแรกนับแต่เลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ที่ฝ่ายค้านวอล์คเอ้าท์ หรือเดินออกจากห้องประชุม ไม่ร่วมกิจกรรมการเมืองกับฝ่ายรัฐบาล ทำให้การประชุมสภาฯ ไปต่อไม่ได้

ส่งผลให้ ทำให้ญัตติที่ว่านี้ ต้องไปลุ้นกันใหม่สัปดาห์หน้า


แต่หากจะบอกว่าเป็นเรื่องรัฐบาลแพ้เสียงโหวตฝ่ายค้านร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะผลโหวต 236 ต่อ 231 เสียง เมื่อค่ำวันพุธ มีเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไปสอดแทรกอยู่ด้วย 6 เสียง เนื่องจาก ปชป. ก็ยื่นญัตตินี้ต่อสภาฯเช่นกัน ต่างกันตรงที่ ให้รวมถึงคำสั่งและประกาศของคณะปฏิวัติรัฐประหารครั้งก่อนๆ ทั้งหมดด้วย

จึงถือเป็นความรับผิดชอบที่ผู้ยื่นและผู้ร่วมลงนามในญัตติ ที่ต้องโหวตหนุนให้ตั้งกรรมาธิการจึงปรากฎเสียงเหล่านี้ไปรวมอยู่ในฝ่ายค้านที่ชนะโหวต

ผลที่ตามมาอีกอย่าง คือการพิจารณาญัตติสำคัญ เสนอตั้งกรรมาธิการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 ซึ่งความจริงจ่อคิวเป็นวาระแรกของการประชุมสภาฯสมัย 62/2 ยังต้องจ่อคิวรอต่อไปอีก

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของญัตติแรกในซีกพรรคร่วมรัฐบาลที่เสนอตั้ง กมธ. ศึกษาแก้ รธน. เจอดิสเบรคจากพรรคพลังประชารัฐจนหัวทิ่ม สุดท้ายต้องยอมถอยการเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ออกจากการจับจองตำแหน่งประธานกรรมาธิการ

ท่ามกลางการออกโทรโข่งตอกย้ำหลายหนของหัวหมู่ทะลวงฟันอย่างนายเทพไท เสนพงษ์ว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ได้จริงใจเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ


ทำให้สถานการณ์ดูจะตึงเครียดพอประมาณ เพราะไหนจะเรื่องพลิกมติแบน 3 สารพิษอันตรายโดยคณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดใหม่ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีอุตสาหกรรม เป็นประธาน ซึ่งเสมือนการหักหลังพรรคภูมิใจไทยที่ประกาศจุดยืนแบน 3 สารพิษมาแต่ต้น

เท่ากับตอกย้ำขยายรอยร้าวระหว่าง 2 พรรคนี้เพิ่มเติม หลังกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์งานในกระทรวงคมนาคมที่พรรคภูมิใจไทยดูแลบริหารอยู่ ก่อนบานปลายกลายเป็นศึกฟ้องร้องนัวเนียกับสื่อยักษ์ใหญ่ค่ายหนึ่งซึ่งถูกมองว่าเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นของพรรคพลังประชารัฐ

เกิดทั้งศึกในศึกนอก ในสถานการณ์ที่ "เรือเหล็ก" ของรัฐบาล ที่เคยได้รับการการันตีว่าไม่รั่วไม่จมแน่นอน ชักจะตุปัดตุเป๋ หางเสือยังไม่นิ่งพอ

เป็นที่มาของกระแสข่าว "ฝากเลี้ยง 20 ส.ส." ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเจ้าเก่า สอดแทรกเข้ามา ก่อนที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย จะออกโรงระบุ เป็นเพียงข่าวลวง หวังจะใช้กำหราบ ส.ส. ในซีกรัฐบาลเท่านั้นเอง

สถานการณ์ที่ตีบตันรุมเร้าขณะนี้ ทางออกสำคัญคือการเร่งเจรจาทำความเข้าใจกันโดยด่วน ในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย หลังจากเคยมีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นัดแนะสังสรรค์กินอาหารร่วมกันเมื่อปลายเดือนก่อน แต่สุดท้ายไม่มีเกิดขึ้น

เป็นไฟท์บังคับที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะลำพังแค่จะทวงถามความจริงใจและคำมั่นสัญญาระหว่างกัน อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำล่าสุด คงไม่พอ

เชื่อเถอะครับ ทางพรรคร่วมก็คงอยากทวงถามความจริงใจและสัญญาที่เคยตกลงร่วมกันไว้ เช่นเดียวกัน


ขอบคุณภาพ : สถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา