“ดีเจแมน-ใบเตย”รู้จักกับซีอีโอฟอเร็กซ์ทรีดี แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจ (คลิป)

2019-11-19 17:00:23

“ดีเจแมน-ใบเตย”รู้จักกับซีอีโอฟอเร็กซ์ทรีดี แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจ (คลิป)

Advertisement

“ดีเจแมน-ใบเตย” ยอมรับรู้จักกับซีอีโอฟอเร็กซ์ทรีดี แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทและการทำธุรกิจ ระบุลงทุนไป 1ล้านยังถอนเงินคืนไม่ได้ ยันสินสอด 45 ล้านไม่เกี่ยวข้องกับฟอเร็กซ์ทรีดี

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 พ.ย. นายพัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา หรือ ดีเจแมน และ น.ส.สุธีวัน ทวีสิน หรือใบเตย นักร้องสาวชื่อดัง เปิดเผยภายหลังเข้าให้ข้อมูลในฐานะพยานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในคดีแชร์ฟอเร็กซ์ทรีดี ว่า วันนี้ได้นำข้อเท็จจริงมามอบให้เจ้าหน้าที่ รวมทั้งสเตทเม้นท์และเส้นทางการเงินทั้งหมด ทั้งนี้ดีเจแมนยอมรับว่า รู้จักกับซีอีโอฟอเร็กซ์ทรีดีมาหลายปีแล้ว จุดเริ่มต้นมาจากการมอบพระเครื่องให้ในขณะที่ยังเป็นดีเจอยู่ และการเข้ามาลงทุนในฟอเร็กซ์ทรีดี เกิดจากการชักชวนของซีอีโอ ส่วนชักชวนอย่างไรไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เบื้องต้น ได้ลงทุนไปทั้งหมด 1ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในระดับแพลตตินั่ม และทุนที่ลงไปยังถอนไม่ได้ โดยการลงทุนนั้นช่วง 2-3 ปีแรก ยังได้ดอกเบี้ย และถอนออกมาได้จริง ซึ่งเงินที่ถอนออกมาได้ก็เกือบ 1 ล้านบาทแล้ว ทำให้ส่วนของตนเอง เหมือนจะไม่ได้เสียหายมากนัก ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนร่วมกับธุรกิจครั้งนี้ ภาพถ่ายที่ปรากฎ เป็นการพูดคุยกันเรื่องถั่งเช่า และไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าถั่งเช่าเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับฟอเร็กซ์ทรีดี

ดีเจแมน กล่าวด้วยว่า เขาก็คือเพื่อนเรา แต่พอวันนี้เพื่อนผิด เราก็ต้องยืนข้างสิ่งที่ถูกต้อง ก็คือกฎหมาย อยากฝากไปถึงผู้เสียหาย ขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ใครที่ยังเป็นผู้เสียหาย ให้เข้ามาให้การเพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

ด้านใบเตย ยืนยันว่า ได้เกี่ยวข้องกับบริษัท ไม่ได้เล่น ไม่ได้ลงทุนฟอเร็กซ์ทรีดี และรู้จักกับซีอีโอในฐานะมิตรภาพเท่านั้น รวมถึงรู้จักกันก่อนที่ซีอีโอของบริษัทจะเติบโตแบบทุกวันนี้ แม้จะสนิทกันแต่ก็ไม่ทราบในรายละเอียดเชิงลึกว่าเขาทำธุรกิจแบบไหนยังไง ยืนยันสินสอด 45 ล้าน มีทั้งเงินและสินทรัพย์อื่นๆ ไม่ใช่เงินสดอย่างเดียว และสินสอดไม่เกี่ยวข้องกับการเทรดฟอเร็กซ์ และซีอีโอฟอเร็กซ์ไม่ได้ใส่ซองให้ในงานแต่ง จำนวน 10 ล้านบาท ตามที่เป็นกระแสข่าว และการจัดงานที่ใช้เงินเกือบ10 ล้าน เป็นการจัดกันเองสองคนภายใน1เดือน ทั้งนี้ อยากจะขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน หลังจากมีการ นำเสนอชื่อไปในทางเสียหาย และทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับชื่อเสียง ส่วนจะมีการฟ้องร้องกลับหรือไม่ ขอหารือกับต้นสังกัดก่อน