ประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงานค้านใช้เงินกองทุนประกันสังคมปล่อยกู้ เสี่ยงกระทบกองทุนภาพรวม เตรียมขอพบ รมว.แรงงาน ขอทราบแนวทางตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำหนังสือด่วนที่สุดที่ นร.0505/ว459 แจ้งถึงข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้ส่วนราชการรับทราบว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 6 พ.ย.2562 ที่ผ่านมา ได้มีข้อสั่งการ ดังนี้ 1.ให้กระเทรวงเกษตรและสหกรณ์(กรมประมง) เร่งรัดการขึ้นทะเบียนผู้ทำการประมงให้ครบถ้วนทุกกลุ่ม รวมทั้งรวบรวมและบริหารจัดการข้อมูลทะเบียนผู้ทำการประมงให้เป็นปัจจุบัน เพื่อประโยชน์ในการพิจารณากำหนดแนวทาง และมาตรการในการดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ทำการประมง ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 2.ให้กระทรวงแรงงาน(สำนักงานประกันสังคม) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาความเป็นไปได้ ในการกำหนดแนวทางและมาตรการในการบริหารจัดการเงินกองทุนประกันสังคมให้เกิดประโยชน์ และตอบสนองแก่ความต้องการของผู้ประกันตนได้มากยิ่งขึ้น เช่น การกู้ยืมเพื่อการลงทุน หรือการกู้ยืม เพื่อรายจ่ายจำเป็นอื่นๆ โดยระบุว่า ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีข้างต้นใช้เป็นแนวทางในการบริหารราชการให้เกิดประสิทธิภาพ ดังนั้น ในขั้นตอนการปฏิบัติ หน่วยงานจะต้องดำเนินการโดยยึดถือกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก
ด้าน นายมนัส โกศล ประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคท ไม่สามารถนำเงินมาปล่อยกู้ให้ผู้ประกันตนได้ เพราะหากทำเช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาผู้ประกันตนหลั่งไหลเข้ามากู้ สุดท้ายจะกระทบกองทุนภาพรวม อาจล่มได้ ไปจนถึงเงินบำนาญของผู้ประกันตนทุกคน ดังนั้น หากจะปล่อยกู้ให้กับผู้ประกันตนและคิดดอกเบี้ยนั้น ตนไม่เห็นด้วย เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การเลิกจ้างมีมากขึ้น จึงไม่รู้ว่าหากกู้ไปแล้วจะเอาเงินที่ไหนจ่ายคืน แต่จะสนับสนุนหากเกิดว่า หากเป็นการให้ผู้ประกันตนในลักษณะของการนำเงินบำเหน็จบำนาญบางส่วนใช้โดยมีเงื่อนไข แต่ก็ต้องยอมรับว่า เมื่อถึงวันรับเงินบำนาญ เงินจะลดน้อยลง เพราะต้องหักส่วนที่เอาไปใช้ก่อนแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา เคยมีการทำประชาพิจารณ์ผู้ประกันตนไปแล้วเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่เห็นด้วยกับกรณีนี้ ซึ่งทางเครือข่ายฯอยากเข้าพบ รมว.แรงงาน เพื่อขอทราบแนวทางตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็ต้องปรับแก้กฎหมายประกันสังคมเพิ่มเติม จริงๆก่อนหน้านี้ตนเคยทำหนังสือถึงรัฐมนตรีฯ แต่ยังไม่เคยเข้าพบเลย
นายมนัส กล่าวต่อว่า หากจะปล่อยกู้ให้กับนายจ้าง ผู้ประกอบการ จริงๆ เคยทำมาแล้ว โดยทำเป็นโครงการร่วมกับทางธนาคาร ซึ่งมีเงื่อนไขเยอะมาก โดยนายจ้าง หรือผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาการดำเนินการ และต้องการเงินก็มาขอกู้ผ่านโครงการของสำนักงานประกันสังคม ร่วมกับธนาคารได้ มีวงเงิน 10,000 ล้านบาท แต่ 3 ปีที่ผ่านมาใช้ไป 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการกู้เงินนั้น หากสำนักงานประกันสังคมจะทำก็ต้องทำร่วมกับธนาคาร โดยสามารถใช้เงิน 10 เปอร์เซ็นต์จากกองทุนไปลงทุนได้ แต่ก็จะมีเงื่อนไขจำนวนมาก รวมไปถึงการให้ผู้ประกันตนกู้ซื้อบ้านก็จะทำเป็นโครงการ แต่ในส่วนที่นายกฯ ออกมาเรื่องนี้ ตนไม่แน่ใจ
น.ส.เมธาวี นามสมมติ ในฐานะผู้ประกันตน กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยเพราะว่าอนาคตกองทุนประกันสังคมยังต้องจ่ายเงินบำนาญ ชราภาพอยู่ ในขณะที่ผู้สูงอายุมีมากขึ้นเรื่อยๆ และมีอายุยืน จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้เริ่มมีข่าวเงินกองทุนอาจจะไม่เพียงพอ การที่สปส.จะเอาเงินไปลงทุนมาสนับสนุนในส่วนนี้ ยอมรับว่าตนยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถบริหารการกู้ยืมได้ เพราะเห็นจากกองทุนกู้ยืมอื่นๆ คิดว่าสปส.ควรเอาเงินไปลงทุนในส่วนที่ไม่มีความเสี่ยงหนี้เสีย จากการที่คนไม่ใช้หนี้ หลายกองทุนก็เห็นว่ามีปัญหา หากจะให้ผู้ประกันตนเข้าถึงแหล่งเงินกู้ สปส.ควรไปใช้ช่องทางอื่น ๆ สถาบันการเงินอื่น ไม่ใช่เอาเงินที่ต้องเอามาใข้เพื่อสิทธิประโยชน์มาให้ผู้ประกันตนกู้ยืมอีกที ซึ่งเสี่ยงจะกระทบกับการจ่ายเงินบำนาญในอนาคตด้วย