มีการวิจัยหนึ่งในสหรัฐอเมริกาที่ได้ทำการสำรวจการทำงานของหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ แล้วได้ข้อสรุปหนึ่งออกมาซึ่งน่าสนใจไม่น้อยคือ มีอยู่ถึง 17 ชั่วโมงจากชั่วโมงทำงานเฉลี่ย 45 ชั่วโมงต่อ 1 สัปดาห์ของชาวออฟฟิศนั้นที่ถูกระบุว่า “ไม่ก่อให้เกิดงาน” แต่ถึงจะเริ่มเรื่องมาเช่นนี้ ก็มิได้หมายความว่า คอลัมน์ Work Life วันนี้จะมาเชิญชวนให้ทุกคนหันมาเอาจริงเอาจังเคร่งเครียดไปกับการทำงาน..ทำงาน..ทำงาน..ทำงานในทุกนาทีของชั่วโมงทำงานแต่อย่างใด เพราะการทำงานมาก ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ประสิทธิภาพมากตามไปด้วยแต่อย่างใด การรู้จักบริหารจัดการที่เหมาะสมต่างหากที่จะพาเราไปถึงเป้าหมายของความสำเร็จได้
และนี่คือ 5 สิ่งที่ควรทำ เพื่อชีวิตการทำงานที่เปี่ยมประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จแบบเต็มร้อยในทุกๆ วัน
ภาพ XiXinXing / Shutterstock.com
1) จัดการอารมณ์ให้เข้าที่
เพราะเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกแรกหลังตื่นตอนนั้นถือได้ว่ามีผลอย่างมากต่อการทำงานหรือใช้ชีวิตในวันนั้นๆ ถ้าคุณเริ่มวันด้วยอารมณ์สงบสุขุมคัมภีรภาพแล้ว จะมีการจัดลำดับความคิดและสมาธิได้ดีกว่าตื่นมาพร้อมกับอารมณ์โกรธหรือกลุ้มกังวลหลายเท่าตัว พยายามใช้เวลา 80-90 นาทีแรกของวันให้ห่างจากสารพันปัญหาที่เกิดขึ้นในวันก่อน เพื่อจัดการอารมณ์ความรู้สึกให้เข้าที่ก่อนเข้าสู่โหมดการทำงาน
2) ลดละโซเชียลฯ ในตอนเช้า
สำหรับคนจำนวนมากในทุกวันนี้ โลกโซเชียลฯ เป็นเสมือนอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่อาจขาดไปได้ แน่นอนว่าเราคงไม่บังคับให้คุณเลิกใช้โซเชียลมีเดียหรืออีเมลในการอัพเดตเรื่องราวข่าวสารต่างๆ หรอก เพียงแต่ว่าการก้าวสู่โลกโซเชียลฯ ตั้งแต่ลืมตาตื่น ไม่ว่าจะเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรออาบน้ำ หรือเพื่องานก็ตาม สิ่งนี้อาจจะทำให้อารมณ์ความรู้สึกของเราไม่นิ่ง อันเป็นผลเสียกับการใช้ชีวิตไปตลอดทั้งวันดังที่กล่าวไปในข้อแรก ลดละการเช็กอีเมลหรือเข้าโซเชียลมีเดียในช่วง 1-2 ชั่วโมงแรกของวัน สำหรับหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องยาก แต่เชื่อสิว่า การเริ่มเข้าโซเชียลฯ ตอนชั่วโมงที่ 3 เป็นต้นไปนั้นไม่ได้ทำให้คุณเสียสิทธิ์ใดๆ ในชีวิตเลย
3) การวางแผนที่ดีจะช่วยให้งานเร็วขึ้น
แทบทุกคนต่างพยายามหาทางทำงานให้เร็วขึ้น แต่เชื่อหรือไม่ว่ากว่าครึ่งเป็นการ “เร่ง” ทำงานที่ไม่ส่งผลให้ได้งานมากขึ้น หรือเร็วขึ้นแต่อย่างใด นั่นเพราะจำนวนมากมักหลงประเด็นหรือพยายามทำในหลากหลายวิธีเพื่อย่นระยะเวลาทำงานลงมา เพื่อที่จะพบว่าเสียเวลาเปล่า Eliminating Distractions ดังนั้น วางแผนก่อนการทำงานทุกครั้ง เพื่อที่จะสามารถจับประเด็นสำคัญ ได้ว่า การจะบรรลุเป้าหมายของงานนั้นๆ จะต้องทำอะไร อย่างไรบ้าง และปัญหาหรือทางตันที่อาจเกิดขึ้นได้และพึงหลีกเลี่ยงมีอะไรบ้าง พูดง่ายๆ ว่าการวางแผนจะช่วยจัดลำดับความสำคัญให้เห็นเด่นชัดขึ้นได้นั่นเอง
ภาพ PR Image Factory / Shutterstock.com
4) จดจ่อต่อประเด็นสำคัญ
ต่อเนื่องจากข้อก่อน เมื่อเรามีการวางแผนที่ดี และการทำจัดลำดับความสำคัญของการทำงานแล้ว เราก็จะรู้ได้ว่าประเด็นหลักและประเด็นสำคัญที่สุดของการทำงานนั้นๆ คืออะไร แล้วจากนั้นเราก็จะสามารถทำงานให้บรรลุไปถึงเป้าหมายโดยไม่ออกนอกเส้นทาง
5) กำหนดเป้าหมายก่อนนอน
สำหรับคนที่ผ่านมาวัยเรียนมา คงคุ้นเคยกับการจัดตารางสอนวิชาที่จะต้องเรียนในวันรุ่งขึ้น เพื่อที่จะได้มีสมุดหนังสือครบถ้วนไม่ตกหล่น และเพื่อที่จะได้ไม่ต้องล่กจัดของกันตอนก่อนไปเรียน ฉันใดก็ฉันนั้น พอถึงวันทำงาน การจัดตารางสอนก็ถือเป็นเรื่องจำเป็น เพียงแต่คราวนี้มิใช่การจัดเอกสารวิชาเรียน หรือการระบุสิ่งต้องทำในวันรุ่งขึ้นเท่านั้น หากแต่เป็นการกำหนดเป้าหมายว่า เรามุ่งหวังอยากเห็นความสำเร็จในวันพรุ่งนี้อย่างไร ถ้าเราตั้งเป้าว่านี่คือก้าวสำคัญสู่การเขยิบไปสู่ตำแหน่งสูงๆ การทำงานในวันนั้นจะไม่เพียงแต่การทำงานให้เสร็จ แต่จะเกิดความพยายามที่จะทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และด้วยการทำงานด้วยเป้าหมายเช่นนี้...ความสำเร็จในชีวิตย่อมอยู่ไม่ไกล