รวบแล้ว! มือแทง เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ดับ

2019-11-17 14:10:30

รวบแล้ว! มือแทง เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ดับ

Advertisement

บุกจับกุมตัวมือแทงเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ดับหลังเคลียร์ปัญหาไม่ลงตัว

จากกรณีเมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุชายถูกแทงด้วยอาวุธมีดเสียชีวิต ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 1 / 24 หมู่ 5 ซอยบุญถนอม ต.สำโรง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ หลังเข้าตรวจสอบพบผู้ตายคือนายกิตติชัย กุลธรรมโม อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 162 ม.7 ต.เพ็กใหญ่ อ.พล จ.ขอนแก่น พนักงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในย่านสำโรงใต้ มีบาดแผลถูกแทงเข้าที่ใต้ชายโครงซ้ายและต้นขาจนเสียชีวิต ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายอนุภัทร หรือ บิ๊ก อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 ม.7 ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ล่าสุดเมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 17 พ.ย. พ.ต.ต.สุเมธ สาลี สว.สส.สภ.สำโรงใต้ พร้อมด้วย เจ้าหน้าตำรวจชุดสืบสวน สภ.สำโรงใต้ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายอนุภัทร หรือ บิ๊ก อายุ 19 ปี ผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ บนขบวนรถไฟสาย กรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช (ขบวนรถไฟ 173 ขณะที่จอดเทียบชานชาลาอยู่ที่ สถานีรถไฟหัวหิน ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยของกลาง อาวุธมีดปลายแหลมยาว 10 นิ้ว ที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพาย เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีน้ำตาล กางเกงยีนต์สีน้ำเงินเข้ม ก่อนคุมตัวกลับมาสอบสวนที่ สภ.สำโรงใต้ สมุทรปราการ




นายอนุภัทร หรือ บิ๊ก ผู้ก่อเหตุ ได้ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยตนและนายกิตติชัยผู้ตาย เป็นเพื่อนกันและทำงานอยู่ที่เดียวกัน คืนก่อนเกิดเหตุได้มีปากเสียงกันและชกต่อยกันมาก่อนแล้ว และวันเกิดเหตุตนได้เดินทางมาขอเคลียร์กันแต่ผู้ตายไม่ยอม จึงเกิดการชกต่อยกันอีก ตนสู้ไม่ได้เลยได้ใช้อาวุธมีดที่เตรียมมาแทงผู้ตาย จนเสียผู้เสียชีวิต ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ หลบหนีมาที่ห้องพักในซอยหมาดุ ริมถนนรถรางเก่า ต.สำโรง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร เพื่อเก็บข้าวของ ก่อนจะรีบไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS ไปลงที่หัวลำโพง และขึ้นรถไฟสาย กรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช เพื่อหนีไปกบดานใน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นสวนยางของพ่อตน แต่มาถูกตำรวจจับกุมเสียก่อน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป