คุมตัว “ชัยวัฒน์”พร้อมพวกฝากขังผัดแรก

2019-11-12 14:50:07

คุมตัว “ชัยวัฒน์”พร้อมพวกฝากขังผัดแรก

Advertisement

ดีเอสไอคุมตัว “ชัยวัฒน์”พร้อมพวกฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางผัดแรก 

จากกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร พร้อมพวกรวม 4 คน ประกอบด้วย นายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ในความผิด 6 ข้อหา โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 พ.ย. นายชัยวัฒน์ พร้อมพวกได้เข้ามอบตัวกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 พ.ย. เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้คุมตัวนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมพวกรวม 4 คน ไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางฝากขังผัดแรก หลังใช้เวลาในการสอบปากคำนานเกือบ 4 ชม. โดยนายชัยวัฒน์และพวกมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด บอกเพียงสั้นๆว่า จะไปขอยื่นประกันตัวในชั้นศาล ก่อนถูกคุมตัวขึ้นรถออกไปทันที

พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และไม่ได้ใช้สิทธิขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน ทางพนักงานสอบสวนจึงนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง ซึ่งพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว ส่วนจะยื่นประกันตัวในชั้นศาลหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ต้องหา

ส่วนกรณีที่นายชัยวัฒน์ตั้งข้อสังเกตว่าข้อหาที่ถูกแจ้งเป็นคดีอาญาแต่เพราะเหตุใดศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเป็นผู้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ปกรณ์ ระบุว่า เนื่องจากเป็นการทุจริตในหน้าที่ราชการ ประพฤติโดยมิชอบ ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดี ยังไม่มีการออกหมายเรียกหรือหมายจับใครเพิ่มเติม จะต้องสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมให้ครบถ้วนก่อน และที่วันนี้ดีเอสไอเข้าตรวจค้น4-5จุดในพื้นที่ จ.เพชรบุรีเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในคดี ยังไม่ทราบรายละเอียด ยืนยันคดีนี้ดีเอสไอไม่ได้ตั้งธงหรือพุ่งเป้าไปที่ใคร แต่ทุกอย่างว่าเป็นไปตามพยานหลักฐาน

สำหรับข้อหานายชัยวัฒน์ และพวก คือ  (1) ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ (2) ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้นและได้กระทำโดยมีอาวุธ (3) ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย (4) ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น และมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ (5) ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป (6) ร่วมกันโดยทุจริตเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป