ชัยวัฒน์ vs บิลลี่ คนเด่นกับคดีดังก้องโลก

2019-11-12 20:00:41

ชัยวัฒน์ vs บิลลี่ คนเด่นกับคดีดังก้องโลก

Advertisement

ในที่สุด ศาลก็อนุมัติหมายจับ 4 คนที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม "บิลลี" นายพอละจี รักจงเจริญ กะเหรี่ยงนักเคลื่อนไหวแห่งบ้านบางกลอย จ.เพชรบุรี


หนึ่งในจำนวนนี้ คือ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ปัจจุบัน เป็น ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 9 อุบลราชธานี

อดีตหัวหน้าชุดและที่ปรึกษาชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจ พญาเสือ ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งเป็นหนึ่งหน่วยงานที่มีกำลังพลและอาวุธของตัวเอง สำหรับปฏิบัติการภารกิจพิเศษ คล้ายๆกับชุด "พยัคฆ์ไพร" ของกรมป่าไม้

เขาจึงมีบทบาทไม่น้อยในช่วงที่ผ่านๆ มา เมื่อชุดพญาเสือบุกเข้าตรวจค้น ปะทะ จับกุม และขับไล่กลุ่มที่ลักลอบตัดไม้และทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ปรากฎตามหน้าสื่ออยู่เนืองๆ


รวมทั้ง กรณี นายเปรมชัย กรรณสูต บอสใหญ่ บ.อิตาเลียนไทย ลักลอบล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2561


ครั้งนั้น กรมอุทยานฯ และนายชัยวัฒน์ ยืนหยัดอยู่เคียงข้างและสนับสนุนการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาของนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เจ้าของพื้นที่ โดยมีประชาชนทั่วไปผู้ติดตามข่าวสารทำหน้าที่เป็นกองหนุน ส่งกำลังใจให้นายวิเขียรอุ่นหนาฝาคั่ง

นายชัยวัฒน์ ถูกศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง หรือศาลปราบโกง อนุมัติหมายจับตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ยื่นเรื่องขอ หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานได้ครบถ้วน ก่อนหน้านี้ นายชัยวัฒน์ปฎิเสธ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นใดๆ นับตั้งแต่การหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของบิลลี่ตั้งแต่ 5 ปีก่อน

แต่ในภายหลัง เมื่อดีเอสไอและอีกหลายหน่วยงานได้บูรณาการการทำงานร่วมกันแบบเกาะติดไม่ปล่อย กระทั่งพบถังน้ำมันแกลลอนและชิ้นส่วนกะโหลกที่ตรงกับดีเอ็นเอของแม่บิลลี่ ทำให้คดีนายพอละจี ซึ่งเดิมทีเป็นเพียงคดีคนหาย กลายเป็นคดีฆาตกรรม ที่ลงมือด้วยความโหดเหี้ยมผิดมนุษยมนา เมื่อพิสูจน์จากชิ้นส่วนบริเวณกะโหลกที่พบ ปรากฎว่าผ่านความร้อนในระดับที่สูงถึง 300-400 องศา เท่ากับถูกจับยัดใส่ถึงแดงแล้วจุดไฟเผา

นายชัยวัฒน์ ในฐานะหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในขณะเกิดเหตุ และยังถูกระบุว่า เป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับบิลลี่ก่อนจะหายตัวไปนับแต่บัดนั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะตกเป็นผู้ต้องสงสัยสำคัญในคดีนี้

อย่างไรก็ตาม นายชัยวัฒน์ปรากฎตัวครั้งสุดท้าย ก่อนวันเข้ามอบตัวสู้คดีที่ดีเอสไอ คือไปร่วมอยู่กลุ่มผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ให้การต้อนรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่บินไปตรวจตรวจเยี่ยมงานป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่น้ำตกเอราวัณ จ.กาญจนบุรี ระหว่างการลงพื้นที่และประชุม ครม.สัญจร สะท้อนให้เห็นความสำคัญและไม่ใช่เป็นเพียงคนธรรมดาของนายชัยวัฒน์

เพราะแม้แต่ผู้บังคับบัญชาโดยตรง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ ยังพูดชัดเจนว่า จะยังให้นายชัยวัฒน์ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ไม่มีการโยกย้ายใดๆ เกิดขึ้น

ขณะที่เจ้าตัวก็ยืนยันพร้อมต่อสู้คดีความ ไม่มีหลบหนีไปไหน พร้อมตัดพ้อการนำเสนอข่าวของสื่อในคดีที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วว่า ไม่ควรมีนำเสนอต่อแบบรายวันอีก ควรให้เป็นไปตามกระบวนการจะเหมาะสมกว่า


ขณะที่ทางฝ่ายภรรยาและชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย พยายามเรียกร้องให้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อดีตรองอธิบดีดีเอสไอที่ดูแลคดีนี้มาตั้งแต่ต้น เป็นผู้ทำคดีนี้ต่อไป หลังจากถูกโยกขยับขึ้นไปเป็นผู้ตรวจของกระทรวง โดยอ้างเหตุผลปูนบำเหน็จการทำงานเพื่อความเติบโตก้าวหน้า แต่เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า เป็นตำแหน่งลอยเสมือนถูกจับไปแขวนไว้

ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า เรื่องราวของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับการละเมิดสิทธิของชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่แต่เก่าก่อน ไม่ใช่ถูกจับตาเฝ้าดูอย่างมีนัยเฉพาะคนในประเทศไทยเท่านั้น

แต่ยังรวมไปถึงชาวโลกที่อยากเห็นการจัดการที่เป็นธรรม เคารพสิทธิมนุษยชนของคนอื่น ไม่ใช่ใช้กำลังและอ้างอำนาจที่มี อย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับปู่คออี้ ผู้นำด้านจิตวิญญาณของกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยที่ถูกอุ้มตัวพาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ลงจากบ้านบางกลอยบนลงมาอยู่บ้านบางกลอยล่าง และการจุดไฟเผาทรัพย์สินและยุ้งข้าวชาวกะเหรี่ยง กระทั่งเป็นคดีความ และสุดท้าย ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ต้องจ่ายเงินชดใช้การกระทำที่ลุแก่อำนาจดังกล่าว

เรื่องนี้โด่งดังและเป็นข่าวใหญ่ กระทั่งการขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ต้องกิน "แห้ว" มาแล้ว

จึงต้องจับตาลุ้นกันว่า คนเด่นคอนเนคชั่นดี กับคดีดัง "อุ้มฆ่า" บิลลี่ สุดท้ายผลจะออกมาอย่างไร?