กลุ่มสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ "แอมเนสตี อินเตอร์เนชั่นแนล" หรือ องค์การนิรโทษกรรมสากล ออกแถลงการณ์เรียกร้องต่อรัฐบาลอิรัก ให้สั่งการเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง ยุติปฏิบัติการใช้ความรุนแรง ในการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วง หลังจากมีผู้เสียชีวิตอีกอย่างน้อย 12 ศพ เมื่อวันเสาร์ โดย 9 ศพอยู่ในกรุงแบกแดด ซึ่งอย่างน้อย 5 ศพถูกเจ้าหน้าที่ยิงด้วยกระสุนจริง ในระหว่างการสลายการชุมนุมประท้วง บนสะพานและถนนหลายสาย ใกล้จัตุรัสตอห์รีร์ ส่วนที่เมืองบาสรา ทางภาคใต้ ผู้ประท้วงเสียชีวิต 8 รายตั้งแต่วันพฤหัสบดี
แถลงการณ์ฯ ระบุอีกว่า ผู้ประท้วงในอิรักเสียชีวิตอย่างน้อย 264 ศพ ในระยะแค่เดือนเศษ นับตั้งแต่เดือน ต.ค. ถือเป็นเหตุการณ์ "นองเลือด" พร้อมกับเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่อิรัก ยุติการใช้ "ความรุนแรงโดยผิดกฎหมาย" และทางการอิรักต้องนำตัวผู้ที่ต้องรับผิดชอบ มารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม
ชาวอิรักเดินขบวนประท้วงรัฐบาล ในกรุงแบกแดด และหลายเมืองทางภาคใต้ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวนิกายชีอะห์ ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาว่างงาน ระบบสาธารณูปโภคขาดแคลน และปฏิรูประบบการปกครอง การประท้วงถูกเจ้าหน้าที่ปราบปรามอย่างรุนแรง และในช่วง 1 - 2 สัปดาห์ล่าสุดเจ้าหน้าที่อิรักใช้กระสุนจริงยิงผู้ประท้วง ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แหล่งข่าววงการแพทย์อิรักเผยเมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการประท้วง สูงขึ้นผ่านหลัก 300 ศพแล้ว ซึ่งเป็นจำนวนที่สอดคล้องกับการตรวจนับของสำนักข่าวเอเอฟพี.
