ความในใจ “คุณหมอพ่อพระ” ผู้ชุบชีวิตคนไข้ชาวลาว

2019-11-11 11:15:54

ความในใจ “คุณหมอพ่อพระ” ผู้ชุบชีวิตคนไข้ชาวลาว

Advertisement

เปิดใจหมอ รพ.มุกดาหาร พบชาวลาวมารักษา แต่ไม่มีเงิน สุดท้ายขอกลับไปตายที่บ้านเกิดเหลือเงิน 200 บาท หมอเลยตัดสินใจระดมค่ารักษา เพราะไม่อยากให้เขาตาย

เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยเจ้าของเฟชบุ๊กชื่อ WIRAT SAWANGAROM ได้โพสต์เรื่องราวดังกล่าวลงในกลุ่ม ทวงคืน ปตท. ความว่า “ เทวดาผู้คืนชีวิตพาพ่อกลับคืนมาให้ลูก ๆ” จากกรณีเรื่องราวที่พูดถึงในโลกออนไลน์ ทั้งในความเก่ง และใจดีของทีมแพทย์ของ รพ.มุกดาหารที่มีน้ำใจช่วยเหลือชายชาวลาวที่ทางครอบครัวเขา เริ่มทำใจกับอาการของเขาด้วยฐานะที่ยากจน ถึงขั้นจะนำกลับบ้านเกิด เพื่อให้หมดลมหายใจที่นั่น เพราะไม่มีเงินรักษาจริง ๆ แต่ทว่าคุณหมอกลับไม่ยอมให้ครอบครัวของเขาทำแบบนั้น เพราะเขามั่นใจว่าจะรักษาคนไข้รายนี้ได้ โดยยอมรักษาให้ เพราะรู้ว่าชาวลาวคนนี้ไม่มีเงิน และเหลือเงินแค่ 200 บาทติดตัว

นพ.ราชันย์ จันทร์อ่อน แพทย์เฉพาะทางอายุรกรรม รพ.มุกดาหาร (แพทย์ผู้รักษาชายชาวลาว นายสุกกี พะสะหวัด อายุ 44 ปี บ้านหนองแสง แขวงสะหวันนะเขต) เปิดเผยว่า ประมาณ 3-4 วันที่แล้ว มีคนไข้มารักษาตัวที่ รพ.มุกดาหาร ที่อายุรกรรมชาย ชั้น 8 ก่อนที่จะมาเขาได้ไปรักษาที่สะหวันนะเขต ก่อนประมาณ 5 วัน มารักษาอาการไข้ นอนหลายวันอาการไม่ดีขึ้น ญาติจึงพามารักษาตัวที่ รพ.มุกดาหาร มาถึงตอนเช้าก็ไม่ได้ใส่ท่อเครื่องช่วยหายใจ อาการก็หนัก มีความดันต่ำมีโอกาสช็อก และมีภาวะปอดบวมอย่างรุนแรงและมีโรคประจำตัวเบาหวาน การักษาดีที่สุดคือให้ยาฆ่าเชื้อ คุมเชื้อ และในพื้นที่ จ.มุกดาหาร พบเชื้อ Melioidosis มาก และมีอัตราการตายสูงมาก ส่วนคนไข้มาวันแรกก็รู้สึกตัวแต่พูดไม่ได้ ก็ให้กำลังใจและน่าจะรักษาได้ และทางห้องแล็ปรายงานมาว่า ติดเชื้อในกระแสเลือด และก็พยายามวินิจฉัยอย่างรวดเร็วว่า ติดเชื้อ Melioidosis และรีบให้การรักษา




ในวันต่อมาคนไข้ก็ยังดูดีอยู่มีเครื่องช่วยหายใจ ออกซิเจนก็ 100 % แต่ว่าพอมาตอนบ่าย 3 โมง คนไข้หายใจหอบเหนื่อยมาก และภรรยาของคนไข้บอกว่าจะเอาคนไข้กลับไปที่สะหวันนะเขต เอาไปตายที่บ้าน เพราะไม่มีเงินและได้จ่ายไปแล้ว 38,000 บาท เพราะคนไข้หนัก และได้เรียกรถฉุกเฉินจาก สะหวันนะเขตมาแล้วและกำลังจะข้ามสะพาน คนไข้อายุยังไม่เยอะ 44 ปี ส่วนอาการของคนไข้มีแต่ปอดบวมความดันก็ดี ปัสสาวะออกดี ไตก็ทำงานดี ประเมินคนไข้ดูแล้ว เพราะเราก็ดูแลคนไข้มาแล้วปีหนึ่งที่ติดเชื้อใน รพ. มุกดาหาร ประมาณ 200-300 คน ประเมินดูแล้วน่าจะโอกาสรอดได้ ส่วนภรรยาก็ไม่ยอมจะเอากลับอย่างเดียว เพราะไม่มีเงิน หมอขอให้อยู่ต่อสักคืนหนึ่งก่อน ก็เลยให้อยู่ต่อ และได้ย้ายมาที่ห้อง ICU เพราะมีทีมพยาบาลดูแลอย่างดี พอย้ายมาทางภรรยาก็ยังยืนยันจะเอาสามีกลับบ้านอีก เพราะไม่มีเงินแล้ว ภรรยามีเงิน 20,000 บาท ได้ยืมนายจ้างมาอีก 20,000 บาท ได้จ่ายโรงพยาบาลไปแล้ว 38,000 บาท ก็เลยเรียกภรรมาคุยก็บอกไปว่าเราสามารถที่จะรักษาได้ อายุยังไม่เยอะ ภาวะแทรกซ้อนมีแค่ปอดบวมระบบหายใจล้มเหลว ความดันก็ตอบสนองดี ความรู้สึกตัวก็พูดคุยรู้เรื่อง โอกาสรอดก็ประมาณ 80 % ก็เลยขอยื้อคนไข้ไว้ ส่วนเรื่องค่ารักษาค่อยคุยกันวันหลัง ขอรักษาชีวิตไว้ก่อน เพราะว่าลูกยังเล็ก สงสารลูกถ้าไม่มีพ่อ ก็จะพยายามรักษาและนั่งคิดอยู่ว่าจะเอาเงินที่ไหนมารักษา ก็เลยถามในกลุ่มไลน์หมอที่เป็นสนิท ก็ปรึกษากันว่า เรามีคนไข้คนลาวติดเชื้อ ซึ่งประเมินราคาแล้วตกวันหนึ่งประมาณหมื่นกว่าบาท เพราะโรคนี้จะรักษายากนิดหนึ่ง ฉีดยาอย่างน้อย 14 วัน บางรายเป็นเดือน จนกว่าไข้จะลดลงจะตอบสนองกับยาช้ามาก และอัตราการแทรกซ้อนรุนแรงสูงมาก ติดเชื้อในกระแสเลือดก็เลยปรึกษาในกลุ่มเพื่อนมีการระดมทุนเล็ก ๆ น้อย ๆ ในกลุ่มได้ประมาณ 5-6 หมื่นบาท น่าจะพอได้ระดมทุนประมาณ 12 ชั่วโมง และก็มีทางฝั่งลาวมาช่วยกันคนละเล็กคนละน้อย ส่วนอาการคนไข้ล่าสุด มีอาการแทรกซ้อน ภาวะปอดมีลมคั่งได้ใส่สายยางระบายลมที่ปอด และได้ลดยากระตุ้นความดันปอด ยังกระสับกระส่าย ยังให้ยานอนหลับอยู่ มีไข้ต่ำ ยังสู้ไหวโรคนี้ต้องใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายสูง

นพ.ราชันย์ จันทร์อ่อน กล่าวต่ออีกว่า ก็ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่ให้กำลังใจ และได้แรงบันดาลใจจากคุณหมอ ณรงค์ศักดิ์ รพ.กุมภวาปี และหมอน้องยศ กุมารแพทย์ รพ.ลพบุรี เป็นทีมงานของเรา ซึ่งเราจะปรึกษากันทุกเรื่องเกี่ยวกับคนไข้ และระดมทุนในกลุ่มช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือกันคนละเล็กคนละน้อย และขอขอบคุณทุกท่านที่ทราบข่าวที่ให้กำลังใจ และน่าจะเพียงพอกับการรักษาคนไข้ของเราได้ และขอขอบคุณ ผอ.รพ.มุกดาหาร ที่ให้กำลังใจ ขอบคุณทีมงานทุก ๆ ท่านที่ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่



ด้านนางน้อย พะสะหวัด ภรรยา อายุ 40 ปี บ้านหนองแสง แขวงสะหวันนะเขต เมืองไกรสอนพมวิหาน สปป.ลาว กล่าวว่า ทาง รพ.มุกดาหารได้รักษาเป็นอย่างดี ตนเองไม่มีเงินรักษาสามีต่อ อยากเอาสามีกลับ เพราะว่าทางบ้านจน ไม่มีที่นา มีอาชีพหาเช้ากินค่ำ มีบุตร 3 คน และได้ยืมเงินมารักษาสามี ว่าจะเอาสามีกลับบ้าน พอดีมีหมอมาช่วยเหลือ และขอขอบคุณหมอที่เมตตาสงสารครอบครัว ขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือมีน้ำใจ ตนเองตื้นตันใจที่หมอได้ดูแลรักษาสามีเป็นอย่างดี มีน้ำใจในการบริจาค และขอขอบคุณผู้ใจบุญทั้งหลายที่ได้บริจาคเงิน และขอบคุณทาง รพ.มุกดาหาร หมอ และพยาบาลทุก ๆ คนที่ดูแลรักษาสามีเป็นอย่างดี