หงส์ยังสะกดคำว่า “แพ้” ไม่เป็น เปิดศึกแห่งฤดูกาล รับ แมนเชสเตอร์ซิตี้

2019-11-10 18:05:55

หงส์ยังสะกดคำว่า “แพ้” ไม่เป็น เปิดศึกแห่งฤดูกาล รับ แมนเชสเตอร์ซิตี้

Advertisement

ความปรารถนาอย่างแรงกล้าของทีมลิเวอร์พูลที่จะยุติการรอคอยมานาน 30 ปี เพื่อครองแชมป์ลีกในประเทศให้ได้เฉียดไปเฉียดมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งในอดีตนั้น “แอนฟิลด์” คือถิ่นที่อยู่เกือบจะถาวรของถ้วยรางวัล แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของทีม และในวันอาทิตย์ที่ 10 พ.ย.นี้ ทีม “หงส์แดง” จะเปิดรังแอนฟิลด์ ทำศึกแห่งฤดูกาลก็ว่าได้ กับทีมคู่แข่งแย่งแชมป์ แมนเชสเตอร์ซิตี้ อดีตแชมป์เก่าของฤดูกาลที่แล้ว

ถือเป็นอีก 1 เกมสำคัญของทั้ง 2 ทีม ซึ่งถ้าลิเวอร์พูล ชนะ แต้มจะทิ้งห่างไปไกลถึง 9 แต้มในตารางคะแนน และห่างทีมเลสเตอร์ และเชลซี ทีมอันดับ 2 และ 3 ที่มีคะแนนเท่ากั้น อยู่ 8 แต้ม แต่ถ้าหากทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ แพ้คาบ้าน ช่องว่างกับทีม “เรือใบสีฟ้า” จะลดลงมาเหลือ 3 แต้มท่านั้น การลุ้มแชมป์ยังเปิดกว้างต่อไป อาจเป็นไปได้ว่าจนถึงนัดสุดท้ายเหมือนฤดูกาลที่แล้ว

นั่นก็หมายความว่า ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งแพ้เพียงนัดเดียวจาก 50 เกมในลีก จะแพ้ได้อย่างน้อย 3 นัด ใน 26 นัดที่เหลือของฤดูกาล แต่ซิตี้ ก็แพ้ไม่ได้เช่นกัน เกมวันอาทิตย์นี้ ลิเวอร์พูลเล่นในบ้าน ถือว่าได้เปรียบคู่แข่งอยู่พอสมควรจากเสียงเชียร์ของเหล่าเดอะค็อป แต่จะช่วงชิงความได้เปรียบไว้ได้หรือไม่?

อย่างว่าแหละ ฟุตบอลลูกกลม ๆ เอาอะไรแน่นอนไม่ได้ ฤดูกาลที่แล้วก็เคยเกิดเรื่องเหลือเชื่อมาแล้ว เมื่อลิเวอร์พูล มีแต้มนำห่างทีมของเปป กวาร์ดิโอลา ถึง 10 แต้ม หลังผ่านไป 20 เกม แม้ว่าซิตี้จะเล่นน้อยกว่า 1 เกม แต่เมื่อหงส์แดงสะดุด ซิตี้ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ เฉือนคว้าแชมป์ไปได้ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล

อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลนี้ ดูเหมือนว่า ลิเวอร์พูลยังแรงต่อเนื่อง และยังไม่สะดุด อีกทั้งยังเน้นจนนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน ทีมของคล็อปป์จึงมีโอกาสเถลิงบัลลังก์แชมป์ที่รอคอยมานาน




ลิเวอร์พูลเกือบได้หยิบถ้วยแชมป์แล้วในฤดูกาล 2013-14 แต่ก็ได้แค่ “เกือบ” เมื่อสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด พลาดลื่นล้มในเกมกับเชลซี ปล่อยให้ซิตี้ จบฤดูกาลนี้ด้วยการคว้าแชมป์ไปครอง ท่ามกลางความเสียดายสำหรับแฟนหงส์ ในฤดูกาลนี้ถือเป็นฤดูกาลที่ ลิเวอร์พูล ทีมที่เคยได้แชมป์ดิวิชั่นหนึ่งมาก่อนถึง 18 สมัย แต่ไม่เคยได้แชมป์ในรายการนี้เลย ใกล้เคียงกับการจะได้แชมป์มากที่สุด โดยสามารถขึ้นนำเป็นทีมอันดับหนึ่งในอันดับตารางได้ในระยะเวลาหนึ่งในช่วงท้ายฤดูกาล และทำสถิติเป็นทีมที่ชนะติดต่อกันมากที่สุดคือ 11 ครั้ง แต่ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ก่อนสิ้นสุดฤดูกาล ก็เกิดเหตุการณ์ “ลื่น” ในตำนาน โดยแพ้ต่อ เชลซี และเสมอกับ คริสตัลพาเลซ จึงทำให้แมนเชสเตอร์ซิตี สามารถแซงนำหน้าและคว้าแชมป์ไปในที่สุด ด้วยคะแนน 86 คะแนน ส่วนลิเวอร์พูลได้เพียงอันดับ 2 ได้ไปทั้งสิ้น 84 คะแนน

แต่ชัยชนะในวันอาทิตย์นี้ (ถ้าพึงเกิดขึ้น) หงส์จะรู้สึกว่า พลังที่ยากจะต้านทานและความได้เปรียบจะอยู่กับพวกเขา แม้เพิ่งจะเริ่มต้นเดือนพ.ย.ก็ตาม



ตรรกะทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งชี้ให้เห็นฟอร์มการเล่นของลิเวอร์พูลในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ชัยชนะต่อเนื่องและช่องว่างที่ถ่างกว้างมากขึ้นในตารางคะแนนนั้น ไม่ง่ายที่จะทำให้แมนเชสเตอร์ซิตี้ หรือทีมตามอื่น ๆ จะแซงหงส์แดงได้

การเดิมพันต่อสู้อาจไม่สูงไปจากเดิมในบริบทของพรีเมียร์ลีก แต่ฉากหลังนั้นเต็มไปด้วยสีสัน ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยราบรื่นเพิ่มมากขึ้นระหว่าง 2 สโมสร บนเส้นทางของการเป็นคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของฟุตบอลในอังกฤษ หลังซิตี้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจลูกหนัง การต่อสู้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ดุเด็ดเผ็ดร้อนมานานหลายปีแล้ว

ความยอดเยี่ยมของซิตี้ ภายในการคุมบังเหียนของกวาร์ดิโอลา เป็นที่ประจักษ์ พวกเขาสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ ฤดูกาล 2017-18 กวาดไป 100 คะแนน กลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำคะแนนได้ถึง 100 แต้ม ถือเป็นผลงานที่สุดยอดไร้เทียมทานจริง ๆ และเชื่อว่าสถิตินี้จะอยู่ยงคงกระพันไปอีกนานเลยทีเดียว เพราะคงเป็นเรื่องยากที่จะมีทีมอื่นมาทำลายสถิตินี้ลงได้อีกทั้งยังเป็นทีมเดียวที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเปิลแชมป์บอลในประเทศ ทั้งบอลลีก, คาราบาว คัพ และเอฟเอ คัพ



การบุกถิ่นแอนฟิลด์ของซิตี้ หงส์แดง แม้เป็นเจ้าบ้าน คงเหนื่อยแน่

ส่วนลิเวอร์พูล ก็ผลงานยอดเยี่ยม ความมั่นใจเต็มเปี่ยม อีกทั้งยังหว่านความสงสัยและความหวาดกลัวต่อทีมคู่แข่งด้วย ดังที่เห็นมาแล้วในเกมที่วิลล่าปาร์คเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว เมื่อตามหลังทีมแอสตันวิลล่าอยู่ 1-0 จนถึงท้ายเกม หลังนาทีที่ 86 สามารถยิงแซงกลับมาชนะได้ 2-1 เมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น ชนิดโกงความตาย ในลีกอย่างน้อย ๆ ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลยังสะกดคำว่า “แพ้” ไม่เป็น

ภายใต้การนำของคล็อปป์ หงส์แดงชนะแล้ว 41 เกม และเสมอ 8 เกม ในเกมลีก 50 นัดล่าสุด ครั้งสุดท้ายที่แพ้ ก็แพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ซิตี้ 2-1 ในเดือนมกราคม ซึ่งถือว่าเป็นนัดชี้ชะตาแชมป์ก็ไม่ผิด ในช่วงนั้น หงส์ชนะ 23 จาก 25 เกมในบ้าน ไม่แพ้ทีมใดเลย และชนะในเกมเยือน 18 นัดใน 25 นัดที่ผ่านมา

ที่แอนฟิลด์ ซิตี้ต้องการเปลี่ยนกระแสประวัติศาสตร์ในวันอาทิตย์นี้ ตั้งแต่บุกมาเก็บชัยชนะครั้งสุดท้ายที่แอนฟิลด์ 2-1 ในเดือนพฤษภาคม 2546 ทั้ง 2 ทีมเจอกันในเกมลีกมาแล้ว 16 เกม ซิตี้แพ้ 11 เกม แต่ในการแข่งขันทุกรายการ ทั้ง 2 ทีมเจอกันมาแล้ว 18 เกม ซิตี้แพ้ไป 12 เกม



ลิเวอร์พูล ยังไม่แพ้ใครในเกมลีกมา 45 นัดในการเล่นในบ้านตั้งแต่คลิสตัล พาเลซ ชนะ 2-1 ในเดือนพฤษภาคม 2017 โดยเป็นชัยชนะถึง 35 นัด

ซิตี้พบลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ในเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเกมนัดที่ 8 ของฤดูกาลในลีก และผลการแข่งขันจบลงด้วยการเสมอกันแบบไร้สกอร์ โดยริยาด มาห์เรซ ของซิตี้ พลาดจุดโทษด้วย ซึ่งก็เป็นผลการแข่งขันที่ทั้งคล็อปป์และกวาร์ดิโอลา ต่างพอใจ ขณะนั้นทั้ง 2 ทีมมี 20 แต้มเท่ากันหลังผ่านเกมนี้

สำหรับการแข่งขันที่ 2 ทีมอันดับ 1 และ 2 ของตาราง ต้องมาเจอกันเอง มาดูว่า ลิเวอร์พูล จะยืดโอกาสการเป็นแชมป์ไว้ได้ต่อไปหรือไม่ หรือจะพลาดโอกาสให้ซิตี้ กลับมาได้อีกเหมือนฤดูกาลที่แล้ว คืนนี้ 23.30 น.รู้กัน