ส.ส.สงขลาไขก๊อก กมธ.อึดอัดทำงานร่วม “เสรีพิศุทธ์”

2019-11-01 10:30:23

 ส.ส.สงขลาไขก๊อก กมธ.อึดอัดทำงานร่วม “เสรีพิศุทธ์”

Advertisement

ส.ส.สงขลา พปชร.เตรียมลาออกจาก กมธ.ป.ป.ช. ระบุอึดอัดใจทำงานร่วมกับ“เสรีพิศุทธ์” ซัดใช้เวทีดิสเครดิต “บื๊กตู่-รัฐบาล” จ่อดัน “สิระ”นั่งแทน

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ในฐานะคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะยื่นหนังสือขอลาออกจากกรรมาธิการชุดดังกล่าว เนื่องจากว่า มีความรู้สึกอึดอัดใจในการทำหน้า โดยเฉพาะการที่ต้องทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งตนเป็นโฆษกกรรมาธิการ ที่จะต้องรับผิดชอบในการลงมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนก็ก่อให้เกิดความรู้สึกอึดอัดใจ เพราะต้องยอมรับว่าตนคือ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐทาเชื่อมั่นในการเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่มาวันนี้จะให้ตนแถลงข่าวเพื่อดิสเครดิต พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล คงทำไม่ได้ และถ้าทำแบบนั้นก็คงเสียคน ทั้งนี้ได้พูดคุยกับทาง พปชร.แล้วซึ่งทางพรรคจะให้ผู้ที่มีความเหมาะสมเข้าไปนั่งในกรรมาธิการชุดนี้แทนตน เพราะตนระบุเหตุผลไปว่า ไม่สามารถทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้จริงๆ

นายพยม กล่าวต่อว่า การเข้าร่วมประชุมในแต่ละครั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่เคยคุมการประชุมให้อยู่ในวาระประชุมเลย โดยที่ไม่สนใจในประเด็นใหม่ ๆ หรือเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน มุ่งเน้นเพียงแต่ต้องการหาประเด็นจากพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อย่างเช่นล่าสุดจะรื้อคดีนาฬิกาหรูขึ้นมาพิจารณาใหม่ ซึ่งตนมองว่า เรื่องดังกล่าวจบสิ้นกระบวนการพิจารณาไปแล้ว ตนจึงไม่เห็นถึงประโยชน์ที่ต้องรื้อเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เพราะเป็นการทำงานที่ถอยหลังลงคลองสิ้นเปลืองเบี้ยประชุมที่มาจากภาษีประชาชน

“ผมไม่เคยมีปัญหากับการทำหน้าที่กรรมาธิการในฐานะ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล หากเรื่องที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์หยิบยกขึ้นมาพิจารณาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ผมพร้อมที่จะทำ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ใช้กรรมาธิการเป็นเครื่องมือเพื่อจะดิสเครดิต พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาล”นายพยม กล่าว

เมื่อถามว่า พปชร.จะให้ใครมาทำหน้าที่ในกรรมาธิการชุดนี้แทน นายพยม กล่าวว่า จากการพูดคุยเบื้องต้นน่าจะเป็น นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. เนื่องจากนายสิระเป็นคนกล้าสู้ กล้าชน น่าจะมีความเหมาะสมมากกว่าตน