คิดต่างไม่ใช่เรื่องผิด..."ซาน" เปิดใจรับบท "ตาอั้น" ในละครเวทีกลางแจ้ง "สี่แผ่นดิน"

2019-10-22 15:50:12

คิดต่างไม่ใช่เรื่องผิด..."ซาน" เปิดใจรับบท "ตาอั้น" ในละครเวทีกลางแจ้ง "สี่แผ่นดิน"

Advertisement

สั่งสมประสบการณ์ทางงานละครเวทีมาพอสมควรสำหรับนักแสดงหนุ่ม "ซาน - อัศรัญ มะ" ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้รับบท "ตาอั้น" ในละครเวทีกลางแจ้ง “สี่แผ่นดิน THE LEGEND MUSICAL @ LHONG 1919” บทประพันธ์ชิ้นเอกของ "ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช" ที่ถูกนำมากลับมาสร้างใหม่เป็นครั้งที่ 4 เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ100ปี “ล้ง1919” โดยหนุ่มซานได้เผยถึงความรู้สึกที่มีโอกาสรับบทสำคัญในครั้งนี้ว่า

"สวัสดีครับผมซาน อัศรัญ ปัจจุบันเป็นนักร้องนักแสดงแล้วก็นักพากษ์ครับ ก่อนหน้านี้ก็มีผลงานกับทางรัชดาลัยนี่แหละครับ เล่นมาตั้งแต่ปี 2560 ครับ เรื่องสี่แผ่นดินเดอะมิวสิคัล และก็แม่นาคพระโขนง, เลดี้ ออฟ เดอะสเตจ, บัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคัล แล้วก็เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 6 ครับ ซึ่งเรื่องนี้ผมรับบทเป็นตาอั้นครับ

ตาอั้นเป็นคนที่มุ่งมั่นในอุดมการณ์ จะเป็นเด็กที่จบมาจากฝรั่งเศสความคิดความอ่านเขาจะไปไกลกว่าคนทั่วไปครับ เมื่อเขาต้องกลับมาที่บ้านเขารู้สึกว่าหลายๆ อย่างในประเทศไทยล้าหลังกว่าเมืองนอก แล้วเขาก็รู้สึกว่าประเทศไทยต้องเปลี่ยนเพื่ออะไรที่ดีกว่าและทัดเทียมกับสากล แต่ด้วยความที่เขามีอุดมคติที่มันสุดโต่ง รู้สึกมั่นใจว่าอยากจะทำ ไม่ได้พิจารณาโดยรอบว่าสังคมไทยจริงๆ แล้วอะไรที่เหมาะหรือไม่เหมาะ อะไรที่ต้องปรับหรือไม่ปรับอะไรแบบนี้ ก็เลยทำให้อั้นในสายตาคนอื่นเป็นคนที่ทรยศแผ่นดิน เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ต้องการล้มล้างคนรุ่นเก่า"






ความรู้สึกแรกที่เราได้เล่นเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง ?


ดีใจมากเพราะว่าตอนเรื่องสี่แผ่นดินปี 2560 ตอนนั้นผมอยู่ในตำแหน่งที่ต้องลงแทนนักแสดงที่ไม่ว่างมาวันนั้น แล้วตอนที่ผมไปรับบทเรื่องแรกในบทตาอั้น เราก็เลยได้ศึกษาบทอยู่แล้วศึกษาเพลง เข้าใจตัวละครอยู่แล้ว แล้วเพลงที่ตาอั้นร้องครั้งที่แล้วคือเพลงแสงแห่งศรัทธา ครั้งที่แล้วผมร้องไม่ได้ พอครั้งนี้เราได้มาเล่นเป็นตัวนี้ เราก็อยากกลับมาแก้ตัวอยากจะร้องเพลงให้ได้

คิดว่าเพราะอะไรครั้งนี้เราถึงได้รับบทนี้ ?
ผมว่าด้วยความที่ผมเป็นนักแสดงเจนใหม่ ทุกคนที่มารับบทในรุ่นลูกเป็นเด็กเจน 2019 ที่ตีความตัวละครในแบบที่เป็นคนรุ่นใหม่จริงๆ ครับ พอมันถูกเล่าในปี 2019 เด็กที่เป็นเจนใหม่ก็จะเล่าแบบที่มันสดใหม่และพร้อมที่ตีความในแบบที่เป็นตัวของเจนเนอร์เรชั่นนี้จริงๆ ครับ





สี่แผ่นดินครั้งนี้กับก่อนหน้านี้อารมณ์ต่างกันยังไง ?
จริงๆ บทละครแทบจะไม่ต่างกัน แต่การตีความผ่านตัวละครต่างแน่นอน เพราะว่าด้วยยุคสมัยที่มันเปลี่ยนไปครับ ถึงแม้ว่าจะเล่นมาเมื่อ 2 ปีที่แล้วแต่มันถูกตีความใหม่โดยนักแสดงอยู่แล้วโดยบริบทต่างๆ มันถูกปรับให้กลายเป็นร่วมสมัยมากขึ้น เพราะฉะนั้นการเดินทางของตัวละครมันจะไปเจออะไรใหม่ๆ มากกว่าที่เราจะทำตามแผนเดิมที่เขาเคยทำไว้ครับ

ครั้งนี้คนดูจะได้อะไรกลับไปบ้าง ?
ผมรู้สึกว่าครั้งนี้การเล่าเรื่องการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปัจจุบันทุกอย่างในสังคมมันไวมาก เปลี่ยนแปลงได้เร็วมากการที่เราได้มาดูมันไม่เพียงแค่มองในมุมคนรุ่นใหม่ คนรุ่นเก่า และจากคนนอกที่มอง เขาจะได้ตกตะกอนจากละครเรื่องนี้ว่าความต่างหรืออะไรหลายๆ อย่าง ต้องมีการปรับเพื่อให้เข้ากันไม่ใช่พยายามยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองคิดอย่างเดียวว่าฉันเป็นคนรุ่นเก่าฉันเป็นคนรุ่นใหม่ ฉันคิดแบบนี้เธอคิดแบบนี้แล้วก็มาขัดแย้งกัน มันแทบจะเทียบเคียงได้กับสังคมปัจจุบัน แม้ว่าจะผ่านไปกี่ยุคก็ตามคนเราก็ยังมีความขัดแย้งกัน ยิ่งทุกวันนี้ทุกอย่างมันไว ทุกคนมันมีความเป็นอุดมคติ มันมีความเชื่อสุดโต่งแบบของตัวเอง ยิ่งมันมีความเชื่อแบบนี้เท่าไรยิ่งทำให้เราแตกหักกันมากขึ้น สี่แผ่นดินก็เหมือนการยกตัวอย่างเรื่องสถานการณ์เหล่านี้มาให้เรารู้สึกว่ามันเป็นการสอนเรา ผมเชื่อว่าไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหนเรื่องนี้มันก็จะสอนเราให้เราได้กลับมามองกันมากขึ้นครับ





กดดันไหมเพราะทุกครั้งที่มีการสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาความคาดหวังก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ?
กดดันครับเพราะว่า แน่นนอนรุ่นเก่าๆ เขาก็ทำไว้หนักมาก แล้วเราก็เหมือนตามรอยรุ่นเขาแล้วคิดแค่ว่าเราตามรอยในแบบของเรา อย่าไปคิดว่าเราต้องเหมือนเขาดีกว่าจะได้รู้สึกว่ามันมีความต่างผ่านการตีความที่มันใหม่ขึ้นอะไรแบบนี้ดีกว่า

เรามีไปศึกษาเพิ่มเติมไหม ?
ศึกษาครับ ผมต้องอ่านบทละครสี่แผ่นดิน อ่านหนังสือ อ่านบริบทสังคมในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองครับเพราะว่าตัวตาอั้นเองที่เป็นคนทำให้เปลี่ยนแปลงการปกครองที่ค่อนข้างรุนแรงเลย ในบทละครเพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจว่าสังคมตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นทำไมเด็กที่จบนอกถึงคิดแบบนี้ ทำไมสังคมต่างๆ ถึงเป็นแบบนี้ ต้องไปอ่านครับ





การเล่นละครเวทีเรื่องหนึ่งต้องใช้ความสามารถใช้พลังเยอะมาก?
ใช่ครับ ด้วยความที่มันเป็นศาสตร์ที่สดด้วย เราต้องใช้ทุกแขนงที่เรามี เราก็เลยต้องแบบว่าหนักพอสมควรครับ

เรามีวิธีการเตรียมพร้อมยังไง ?
เตรียมพร้อมหลักๆ เลยครับ เตรียมพร้อมร่างกายเตรียมสติให้พร้อมเพราะว่าพอเราเป็นนักแสดงแล้ว พอเราเข้าไปเล่นแล้วมันก็คือการที่เราต้องเข้าไปเจอในฉาก มันคือการที่เราต้องไปรับมือกับอะไรหลายๆอย่างตลอดเวลา เพิ่มเติมเราก็ต้องทำความเข้าใจกับตัวละครให้หนักแน่นพอสมควร เพราะนักแสดงทุกคนที่เราเข้าฉากด้วยเราต้องแบบว่างัดกลยุทธ์ที่เรามีมาสุดตัวเหมือนกัน



รู้สึกยังไงบ้างได้ร่วมงานกับนักแสดงมากฝีมือในครั้งนี้ ?
เป็นเกียรติมากเพราะว่าตาอั้นอย่างที่บอกเราเคยได้ร่วมงานมาอยู่แล้วเราเคยเห็นแล้ว พอครั้งนี้เราได้รับบทบาทขึ้นมาเราก็เลยพอได้เข้าฉากกับเขา เราก็น่าจะได้อะไรหลายๆอย่างจากเขามาบ้าง ไม่ใช่แค่ตอนละคร แต่เป็นในชีวิตของการเป็นนักแสดงด้วย

พี่ๆ นักแสดงว่ายังไงบ้างเพราะครั้งก่อนเราอยู่แค่ตรงนั้น แต่ตอนนี้เราขยับขึ้นมาอยู่ตรงนี้แล้ว ?
เขาก็แบบเป็นตาอั้นหรอ ก็ขำๆ กันเพราะเหมือนเคยเห็นตอนนั้น แต่ก็ด้วยครั้งนี้เป็นบทใหม่ ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเราจะตีความยังไง



ที่บ้านเราว่ายังไงบ้าง ?
ที่บ้านเซอร์ไพร์ส หมือนเราเรียนละครเวทีมาที่บ้านก็สนับสนุน เพราะไม่ว่าเราจะรับบทอะไรมาที่บ้านก็ให้กำลังใจตลอด พอครั้งนี้บอกว่าได้รับบทตาอั้น เขาก็เคยดูเวอร์ชั่นก่อน เขาก็แบบโอโห้โหดเหมือนกันนะเนี่ย

เรื่องนี้จะสอนอะไรสังคมบ้าง ?
อย่างที่เคยบอกไปนะครับ เราแตกต่างได้แต่เราต้องเข้าใจกัน ไม่ใช่แตกต่างแต่มั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดมันถูก แต่คนที่คิดต่างจากเราคือคนที่ผิด เรารู้สึกว่าสังคมปัจจุบันเป็นสังคมที่คนคิดเอง เออเอง ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงจนทุกคนไม่ฟังใครครับ พอเรามาได้ตกตะกอนจริงๆ เราจะรู้เลยว่าแค่เราหันมาคุยกัน แค่เราปรับความเข้าใจกันแค่นิดเดียว ทุกอย่างมันดีขึ้นได้เพียงแต่ว่าตรงนี้เราไม่มีแล้วเราก็พากันไปเลยเถิด ละครเรื่องนี้มันจะสอนให้เราได้เห็นตลอดเวลาเลยนะครับ ไม่ใช่แค่ว่าตอนจบมันคลี่คลายหรือว่าอะไร ระหว่างทางที่ตัวละครมันมีการทะเลาะกันคนดูก็จะคิดได้ตลอดเวลาว่าเออ ถ้าคุยกันหล่ะมันน่าจะได้อะไรที่มันต่างกันนะ ต่อให้มันต่างกันแต่ว่าเราไม่ได้แตกแยกกันนะครับ

ครั้งนี้ได้ออกมาเล่นนอกสถานที่ บรรยากาศเป็นยังไง ?
อันดับแรกร้อน (หัวเราะ) โรงละครแอร์เย็น ไฟย้อมสีสวยๆ ครั้งนี้เราเจอลมจริงไฟก็จริงแสงจริงมาช่วย ก็เหมือนทุกอย่างมันกลางแจ้งหลายๆอย่างเราก็รู้สึกว่าพลังเราจากโรงละครมันเป็นโรงละครแบบปิด พอเรามาเจอสถานที่แบบเปิด พลังมันกระจายออกไปแน่นอน เราควรเอาให้อยู่

ผมว่าสำคัญที่สุดก็ต้องเป็นตัวละครให้มากที่สุดครับ ถ้ามันร้อนเราก็เป็นตัวละครที่ร้อนครับ มันได้อินเนอร์เพราะอย่างที่บอกตาอั้นเป็นเด็กเมืองนอกไปเจอสังคมที่แบบว่า ผมว่าอากาศร้อนก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผมเหมือนกันนะ



ฝากถึงแฟนๆ ที่อยากมาชมละครเวทีเรื่องนี้ ?
จริงๆ อยากให้มาชมกันครับ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม อยากให้มาดูอยากให้สี่แผ่นดินเป็นเหมือนละครเรื่องหนึ่งที่สอนให้คนได้รู้จักกันได้เข้าใจกันผ่านสถาบันพระมหากษัตริย์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ในสังคมไทยครับ และอยากให้ทุกคนได้มารับชมแล้วเอาสิ่งดีๆ กลับไปคุยกันครับ