ช็อก! ด.ช. ป.5 ผูกคอสาหัส เครียดถูกเพื่อนรุมทำร้าย

2019-10-07 15:35:56

ช็อก! ด.ช. ป.5 ผูกคอสาหัส เครียดถูกเพื่อนรุมทำร้าย

Advertisement

เด็กชาย ป.5 ใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตัวเองสาหัส พี่สาววัย 13 ปี ช่วยไว้ทันรอดหวุดหวิด คาดเครียดหลังถูกเพื่อนในโรงเรียนรุมทำร้ายไม่อยากไปโรงเรียน แม่เชื่อปัญหาขัดแย้งกับเพื่อนในโรงเรียน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ต.ค. ที่ รพ.กระบี่ แพทย์ พยาบาลห้องฉุกเฉิน รับตัวผู้ป่วยฉุกเฉินจาก รพ.ลำทับ อ.ลำทับ เป็นเด็กชายอายุ 11 ปี นร.ชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.พรุดินนา อ.คลองท่อม หลังใช้ผ้าผูกคอตัวเองอาการสาหัส เหตุเกิดภายในบ้านพักในพื้นที่ หมู่ 1 บ้านนางรอง ต.พรุดินนา อ.คลองท่อม เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้น จนท.จับชีพจรได้แต่เด็กยังหมดสติไม่รู้สึกตัว จึงเร่งช่วยเหลือนำตัวเข้านอนพักดูอาการที่ตึกศัลยกรรมชาย 2 รพ.กระบี่ ล่าสุด ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี คนเจ็บ มีอาการดีขึ้น แต่ยังไม่สามารถพูดคุยได้ แพทย์และพยาบาล ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

จากการสอบถาม ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี พี่สาวของเด็กชายเอ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่แม่ไม่อยู่บ้าน มีเพียงตนและน้องชายอยู่ในบ้าน 2 คน คือ เด็กชายเอ (นามสมมุติ) และน้องชายอีกคนอายุ 8 ปี ช่วงที่ตนกำลังเข้าไปในครัว เพื่อทำอาหารให้น้องๆ กิน ตนได้เรียก ด.ช.เอ แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบ จึงเดินออกมาดูที่ห้องโถงในบ้าน ก็พบน้องชายใช้ผ้าขาวม้า ผูกคอตัวเองหมดสติอยู่แล้ว จึงรีบเข้าไปปลดผ้าออก แล้วขี่รถ จยย.ไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในหมู่บ้าน ห่างไปประมาณ 2 กม. ชาวบ้านจึงช่วยกันปฐมพยาบาล และนำตัวน้องชายส่ง รพ.ลำทับ




ด้าน นางแก้ว (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี แม่ของ ด.ช.เอ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ลูกชายคิดสั้น ตนเชื่อว่ามาจากปัญหาในกลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนที่ลูกชายเรียนอยู่ โดยเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนทราบจากลูกว่า มีกลุ่มนักเรียนในโรงเรียนบางกลุ่ม มาข่มขู่และทำร้ายลูก โดยก่อนหน้านี้ลูกไปเล่นเครื่องเล่นในโรงเรียน แล้วเสียหลักล้มลงทำให้เท้าไปโดนนักเรียนคนหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ กลุ่มนักเรียนดังกล่าวจึงทำร้ายชกหน้าลูกชาย จนลูกบ่นว่าไม่อยากจะไปโรงเรียนแล้วเพราะกลัวจะเกิดเรื่องอีก วันเกิดเหตุลูกทำร้ายตัวเอง ตนต้องไปทำงานที่เกาะลันตา ลูกขอว่าจะไปกับตนด้วย แต่ตนเห็นว่าหากไปด้วยจะลำบาก จึงให้ลูกอยู่บ้านกับพี่สาวและน้องชาย แต่ไม่นึกว่าลูกจะตัดสินใจทำแบบนี้ ตนเล่าเรื่องดังกล่าวให้กับครูที่โรงเรียนทราบ ซึ่งทางครูรับปากว่าจะเร่งสืบหาว่า เด็กกลุ่มไหนที่มีพฤติกรรมตามที่บอก

นางแก้ว เล่าอีกว่า ตอนนี้ตนอยากให้ลูกชายหายดีเท่านั้น ส่วนปัญหาภายในโรงเรียนเป็นหน้าที่ของครูที่โรงเรียนจะดำเนินการแก้ปัญหาให้ ตนยืนยันว่าลูกชายเป็นเด็กขยัน อยู่บ้านก็จะช่วยตนทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ทั้งช่วยกรีดยาง เวลาอยู่โรงเรียนก็ชอบช่วยเหลืองานครูที่โรงเรียน จนครูที่โรงเรียนแทบทุกคนจะรักและเอ็นดูลูกชายตนมาก แต่อาจจะทำให้เพื่อนบางคนไม่ชอบ เพราะเป็นเด็กที่ครูรัก



ด้าน นพ.สุพจน์ ภูเก้าล้วน ผอ.รพ.กระบี่ กล่าวว่า ตอนนี้อาการของเด็ก ยังอยู่ในขั้นตอนการเฝ้าระวัง เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนเป็นระยะเวลานานพอสมควร แต่อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ เด็กเริ่มมีอาการตอบสนองที่ดีขึ้น ขยับแขนขาได้ เวลาเรียกก็มีอาการตอบสนอง เริ่มลืมตาได้ ซึ่งตนกำชับ จนท.ให้ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาจนกว่าจะประเมินอาการได้ภายใน 48 ชม. ในส่วนของการเยียวยาด้านสภาพจิตใจ สั่งให้ จนท.สุขภาพจิตของ รพ.คอยดูแลสภาพจิตใจของครอบครัว ทั้งแม่เด็ก พี่สาว น้องชาย รวมทั้งเมื่อเด็กหายดี จะต้องดูแลสภาพจิตใจอีกครั้ง ให้เด็กสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ แต่สิ่งหนึ่งที่ขอชื่นชม คือชาวบ้านที่ช่วยเหลือเด็กตั้งแต่ทราบเหตุครั้งแรก มีความรู้ในการปฐมพยาบาลทำ CPR ในเบื้องต้น จนทำให้สามารถช่วยเหลือเด็กไว้ได้ เป็นสิ่งที่ต้องให้ชุมชน ชาวบ้าน ได้เรียนรู้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อชุมชนโดยรวมเวลาเกิดเหตุขึ้นมา