“จุรินทร์”ดันการค้าชายแดนไทย-เมียนมา

2019-10-03 17:20:28

 “จุรินทร์”ดันการค้าชายแดนไทย-เมียนมา

Advertisement

“จุรินทร์"ผลักดันการค้าชายแดนไทย-เมียนมา นำทีมถกภาครัฐและเอกชนหนุนส่งออกไทย


เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 ต.ค. ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา อ.แม่สอด จ.ตาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนไทย-เมียนมา โดยมีวาระพิจารณาสำคัญคือการเร่งรัดการเปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา การขยายเวลา เปิด ปิด ด่านค้าชายแดนไทยเมียนมา กรณีด่านแม่สอด-เมียวดี จ.ตาก การยกระดับด่านการค้าชายแดน การอนุญาตให้รถบรรทุกเมียนมาเข้ามาบรรทุกสินค้าในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษฝั่งไทย การผลักดันการตรวจหนังสือรับรองถิ่น กำเนิดสินค้า (Form D) ณ ด้านชายแดนไทย-เมียนมา


ต่อมาเวลา 13.00 น.นายจุรินทร์ กล่าวว่า ผลการประชุมวันนี้ มีแนวทางสำคัญ 7 ประเด็น 1. เรื่องการเปิดสะพานแม่สอดแห่งที่ 2 ได้มีความชัดเจนคือไทย-เมียนมา ได้ MOU เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2562 ร่วมกันเพื่อเปิดสะพาน โดยจะเปิดอย่างเป็นทางการ 30 ต.ค. 2562 นี้ และจากนี้จะเป็นงานธุรการเพื่อบรรลุการเปิดใช้สะพาน โดย สมช.จะนำเข้า ครม.ตามขั้นตอนเพื่อการเปิดใช้ถาวรและกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ประกาศใช้ต่อไป 2.ภาคเอกชนขอขยายเวลาเปิด ปิด ด่านแม่สอด โดยขอขยายเวลาปิดจาก 20.30 น.เป็น 24.00 น. เรื่องนี้จะให้กระทรวงการต่างประเทศนำไปดำเนินการ 3. การยกระดับ3ด่านเป็นด่านถาวร คือ จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ในขั้นตอนดำเนินการให้กระทรวงการต่างประเทศประชุมเจบีซีต่อไป จุดผ่อนปรนการค้าบ้านห้วยต้นนุ่น จ.แม่ฮ่องสอน รอสำรวจภูมิประเทศและความเห็นชอบจากทางการเมียนมา จุดผ่อนปรนการค้าพระเจดีย์ 3 องค์ จ.กาญจนบุรี ให้กรมการค้าต่างประเทศหารือกับกองกำลังสุรสีห์ในขั้นตอนต่อไป 4. กรณีการอนุญาตให้รถบรรทุกเมียนมาเข้ามาบรรทุกสินค้าในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษฝั่งไทยนั้น ให้ ผวจ.ตากไปหารือกับอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เพื่อสรุปหาทางออก 5.การผลักดันการตรวจหนังสือรับรองถิ่น กำเนิดสินค้า (Form D) ณ ด้านชายแดนไทย-เมียนมา ให้กรมการค้าต่างประเทศไปประสานงานเมียนมาเพื่อใช้ระบบอิเลคทรอนิกส์ ตามข้อตกลงอาเซียน (Asean Single window) ภายใน 1 ธค.2562 6.กรณีผู้ถือใบอนุญาตผ่านแดน boarder pass ขอเข้าพร้อมรถโดยกำหนดพื้นที่เดินทาง เรื่องนี้ให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดตากไปพิจารณาและหารือกรมการขนส่งทางบก 7.กรณีเซนทรัลแล็บ หรือ ห้องปฏิบัติการกลาง เพื่อจัดตั้งไว้ที่ อ.แม่สอด จ.ตากนั้นอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อให้เกิดขึ้นตามขั้นตอน


รายงานข่าวจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าา สถิติการค้าขายแดนไทย-เมียนมา ในช่วง 8 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ส.ค.) การค้าชายแดนไทยกับเมียนมามีมูลค่าการค้ารวม 133,865.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.73% โดยการส่งออกมีมูลค่า 68,907.45 ล้านบาท ลดลง 4.10% และการนำเข้ามีมูลค่า 64,958.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.08% ไทยได้ดุลการค้า 3,949.12 ล้านบาท

สินค้าส่งออกจากไทยที่สำคัญ ได้แก่ สินค้าหมวดพลังงาน เช่น น้ำมันดีเซล และน้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ นอกจากนี้เป็นสินค้าทุนหรือสิ่งก่อสร้าง เครื่องมือ เครื่องจักร ที่ใช้ในการผลลิต เช่น ผลิตภัณฑ์เหล็ก เหล็กกล้า ผ้าผืน ด้าย เป็นต้น เหตุที่เมียนมาต้องนำเข้าสินค้าประเภทสิ่งก่อสร้างอย่างต่อเนื่องเพราะขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้สินค้าไทยยังเป็นที่นิยมของชาวเมียนมา รวมถึงนักท่องเที่ยวและต่างชาติที่เข้าไปลงทุน เช่น เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนนำเข้าเกือบร้อยละ 82 รองลงมาคือ ธัญพืช สัตว์น้ำ โค กระบือ สุกร แพะ แกะ เหตุที่ไทยต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติรวมถึงสินค้าประมง เพราะเมียนมายังมีทรัพยากรธรรมชาติเหลืออีกมาก ด่านการค้าสำคัญ คือ ด่านศุลกากรแม่สอด ด่านศุลกากรสังขละบุรี ด่านศุลกากรระนอง ด่านศุลกากรแม่สาย ด่านศุลกากรเชียงแสน และด่านศุลกากรประจวบคีรีขันธ์


สำหรับการประชุมครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของนายจุรินทร์ ที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดยคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2562 เห็นว่า การค้าชายแดนมีบทบาทสำคัญต่อการส่งออกของไทยในช่วงภาวะเศรษฐกิจโลกและตลาดส่งออกหลักชะลอตัว รัฐมนตรีว่ากระทรวงพาณิชย์จึงให้ความสำคัญต่อการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน จึงได้จัดการประชุมร่วมภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อรับฟังและหารือแนวทางแก้ไขอุปสรรคทางการค้าระหว่างไทย-เมียนมา นอกจากองค์ประชุมราชการทุกภาคส่วนแล้วยังเชิญผู้แทนจากหน่วยงานภาคเอกชน ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจไทย-เมียนมา สภาอุตสาหกรรม จ.ตาก หอการค้าจ.ตาก และเชิญผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อรับฟังและหารือแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าและการผลักดันมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเมียนมาและตามนโยบายนี้ เมื่อต้นเดือน ก.ย.2562 กระทรวงพาณิชย์ได้จัดการประชุมหารือแนวทางแก้ไขอุปสรรคทางการค้าระหว่างไทย-มาเลเซียที่ จ.สงขลา และต่อมาจัดประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนไทย-สปป.ลาว เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2562 ที่ จ.มุกดาหาร นับจากนี้ก็จะจัดการประชุมในลักษณะเดียวกันด้านชายแดนไทย-กัมพูชา ในลำดับถัดไป