ซาอุฯเตือนทำสงครามกับอิหร่าน จะทำลาย ศก.โลกยับย่อย

2019-09-30 13:50:46

ซาอุฯเตือนทำสงครามกับอิหร่าน จะทำลาย ศก.โลกยับย่อย

Advertisement

เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารแห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ประทานสัมภาษณ์รายการข่าว “60 Minutes” ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส เมื่อวันอาทิตย์ ตรัสเตือนว่า ราคาน้ำมันอาจพุ่งทะยานรุนแรงเกินคาด หากโลกไม่ขัดขวางอิหร่าน และสงครามระหว่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน จะทำลายเศรษฐกิจโลกให้ย่อยยับ หลังการโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งในซาอุดีอาระเบียเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ซึ่งซาอุดีอาระเบีย ประณามว่า เป็นฝีมือของอิหร่าน

เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ตรัสด้วยว่า พระองค์ยอมรับผิดชอบสำหรับการสังหารโหดนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวและคอลัมนิสต์ชื่อดังชาวซาอุดีอาระเบีย แต่ปฏิเสธการสั่งฆ่านายคาช็อกกีด้วยพระองค์เอง

เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้นำซาอุดีอาระเบียที่แท้จริง ต้องสงสัยว่าเป็นผู้สั่งฆ่านายคาช็อกกี ซึ่งเป็นนักข่าวที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลซาอุดีอาระเบียอย่างถึงพริกถึงขิง โดยนายคาช็อกกี ถูกฆ่าในสถานกงสุลของซาอุดีอาระเบีย ในตุรกี เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 พระองค์ตรัสว่า ขอรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในฐานะผู้นำซาอุดีอาระเบีย เพราะการฆ่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนที่ทำงานให้รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย อย่างไรก็ตาม พระองค์ปฏิเสธสั่งฆ่านายคาช็อกกีโดยตรง หรือรับรู้เกี่ยวกับการฆ่าในขณะนั้น




รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ประณามการฆาตกรรมโหดครั้งนี้ว่า เป็นปฏิบัติการของพวกคนพาล และดำเนินคดีชาย 11 คนที่เกี่ยวข้อง

ส่วนอิหร่านปฏิเสธความเกี่ยวข้องในเหตุการณ์โจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย แต่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ตรัสว่า หากโลกไม่ใช้มาตรการแข็งกร้าวและหนักหน่วงเพื่อขัดขวางอิหร่าน เราจะเห็นความขัดแย้งขยายวงกว้าง ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของโลก ปริมาณการผลิตน้ำมันจะได้รับผลกระทบ และราคาน้ำมันจะพุ่งสูงขึ้นรุนแรงอย่างชนิดที่ทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อนในช่วงชีวิตนี้



เจ้าชายซาอุดีอาระเบีย ตรัสว่า ภูมิภาคตะวันออกกลาง ครองส่วนแบ่งการผลิตน้ำมันโลกประมาณร้อยละ 30 อีกทั้งยังเป็นทางผ่านของการค้าโลกประมาณร้อยละ 20 และผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือจีดีพีโลก ประมาณร้อยละ 4 ลองคิดดูว่า หาก 3 สิ่งนี้หยุดชะงัก นั่นก็หมายความว่า การล่มสลายของเศรษฐกิจโลก และไม่เพียงแต่ซาอุดีอาระเบีย หรือประเทศในตะวันออกกลางเท่านั้นที่จะได้รับชะตากรรมนี้

รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย แถลงว่า โดรน 18 ลำ และขีปนาวุธร่อน 7 ลูก ถูกยิงถล่มโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งในเมืองอับกาอิด และอารัมโก เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา โดยกลุ่มกบฏฮูตี ในเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ออกมาอ้างอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ แต่ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐ พันธมิตรสำคัญ ประณามอิหร่านโจมตีส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมันโลกประมาณร้อยละ 5 และส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้นด้วย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เตือนว่า สหรัฐมี “ทางเลือกมากมาย” ในการตอบโต้อิหร่าน ซึ่งรวมทั้ง “ทางเลือกสุดท้าย”



ทั้งนี้ อิหร่านเป็นศัตรูในภูมิภาคของซาอุดีอาระเบีย และเป็นคู่แค้นของสหรัฐ ซึ่งถอนตัวออกจากสนธิสัญญาควบคุมโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน หลังทรัมป์ก้าวขึ้นสู่อำนาจ

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน เพิ่มสูงขึ้นในปีนี้ โดยสหรัฐอ้างว่า อิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำในอ่าวเปอร์เซีย ในเดือนมิถุนายน และกรกฎาคมที่ผ่านมา และอีก 4 ลำในเดือนพฤษภาคม แต่อิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้ง 2 เหตุการณ์