ซาอุดีอาระเบีย แถลงเมื่อวันเสาร์ว่า จะปฏิบัติการตอบโต้ด้วย “มาตรการที่จำเป็น” ต่อการโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง ขณะเดียวกันก็ย้ำข้อกล่าวหาว่า อิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว ซึ่งอิหร่านปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการโจมตี
นายอาเดล อัล-จูเบอีร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า อาวุธที่ใช้ในการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดีอาระเบียนั้น เป็นของอิหร่านและให้คำมั่นจะเปิดเผยหลักฐานการสอบสวนฉบับเต็มด้วย โดยเมื่อกล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย นายจูเบอีร์ กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียกำลังปรึกษาหารือกับประเทศพันธมิตร และจะใช้มาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หลังเสร็จสิ้นการสอบสวน แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการที่จะใช้ตอบโต้
เขาย้ำว่า การโจมตีเป้าหมายโรงกลั่นน้ำมัน “อับกาอิก” และบ่น้ำมัน “คูไรส์” มีทิศทางมาจากภาคเหนือ ไม่ใช่มาจากทางเยเมน แต่ก็ยังไม่ได้ระบุสถานที่ชัดเจน และเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศยืนอยู่เคียงข้าง ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศแสดงความรับผิดชอบในการประณามผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำนี้ และแสดงจุดยืนแข็งแกร้าวและชัดเจนต่อพฤติกรรมที่ไม่รู้จักยั้งคิด ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจโลก
กระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ได้แสดงสิ่งที่เชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนของโดรนและขีปนาวุธร่อนพิสูจน์ให้เห็นว่า อิหร่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดีอาระเบียไปแล้วก่อนหน้านี้
สหรัฐก็กล่าวหาอิหร่านด้วยว่า อยู่เบื้องหลังการโจมตี และเจ้าหน้าที่ที่ไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวกับสื่อสหรัฐว่า หลักฐานระบุว่า การโจมตีครั้งนี้ มาจากภาคใต้ของอิหร่าน และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ แถลงว่า สหรัฐจะส่งทหาร ซึ่งยังไม่ได้มีการตัดสินใจเรื่องจำนวน เข้าประจำการในซาอุดีอาระเบีย เพื่อส่งเสริมมาตรการป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธในซาอุดีอาระเบีย
ขณะที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่าน พุ่งเป้าไปที่ธนาคารกลางของอิหร่าน และกองทุนความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า เขาต้องการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางทหาร
ก่อนหน้านี้ พลตรีฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่าน เตือนว่า อิหร่านพร้อมทำลายล้างศัตรูผู้รุกราน และพร้อมตอบโต้การรุกรานขั้นแตกหัก หลังสหรัฐประกาศส่งทหารเข้าซาอุดีอาระเบีย ส่วนพลจัตวาอามีราลี ฮาจีซาเดห์ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติ กล่าวในงานเดียวกันนี้ว่า สหรัฐควรเรียนรู้ความล้มเหลวในอดีต และว่า การโจมตีใด ๆ ต่ออิหร่าน จะได้รับการตอบโต้กลับอย่างหนักหน่วงรุนแรง
กบฏฮูตีในเยเมน ที่มีอิหร่านหนุนหลัง แถลงอ้างความรับผิดชอบว่าอยู่เบื้องหลังการส่งโดรน และยิงขีปนาวุธโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งในซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันในตลาดโลกด้วย กบฏฮูตีมักยิงจรวด, ขีปนาวุธและปล่อยโดรน โจมตีพื้นที่ชุมชนในซาอุดีอาระเบีย ฮูตีขัดแย้งกับกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ที่สนับสนุนประธานาธิบดีเยเมน ซึ่งกบฏฮูตีใช้กำลังขับไล่จนต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ เมื่อความขัดแย้งในเยเมนขยายตัวในเดือนมีนาคม 2558
สงครามกลางเมืองในเยเมน มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 10,000 คน และอีกหลายล้านคนใกล้อดตาย ซึ่งถือเป็นหายนะด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดจากฝีมือมนุษย์
ส่วนความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านรุนแรงมากขึ้นตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ทำไว้กับชาติมหาอำนาจโลก และหันกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านอีกครั้ง