ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงสุด หลังโรงกลั่นน้ำมันซาอุฯถูกถล่ม

2019-09-16 10:10:52

ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงสุด หลังโรงกลั่นน้ำมันซาอุฯถูกถล่ม

Advertisement

ราคาน้ำมันดิบ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน หลังการโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทุบปริมาณน้ำมันโลกลงกว่าร้อยละ 5 โดยในการเปิดตลาดเริ่มต้นการซื้อขายเมื่อวันอาทิตย์ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ กระโดดขึ้นไปถึงร้อยละ 19 อยู่ที่ 71.95 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบดับบลิวทีไอ (WTI Crude) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ West Texas Intermediate เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 อยู่ที่ 63.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันลดลงเล็กน้อยหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ สั่งให้ปล่อยน้ำมันจาก “สำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทางยุทธศาสตร์” ของสหรัฐ

ต่อมาทรัมป์ ระบุในทวิตเตอร์ว่า สหรัฐรู้ว่าใครคือคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังการโจมตี แต่รอฟังจากซาอุดีอาระเบียว่าพวกเขาต้องการดำเนินการต่อไปอย่างไร และในอีกทวิตข้อความอีกชิ้นหนึ่ง เขาบอกว่า ยังมีน้ำมันอยู่อีกมาก เช่นเดียวกับซาอุดีอาระเบีย ที่คาดว่าจะใช้น้ำมันสำรอง เพื่อให้การส่งออกเป็นไปได้ตามปกติในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ อาจต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์ก่อนโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดีอาระเบียจะกลับมาผลิตได้อย่างเต็มความสามารถเหมือนเดิม บริษัทอารัมโก บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย แถลงว่า การโจมตีครั้งนี้ ทำให้บริษัทต้องลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน




ฝูงโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในศูนย์กลางอุตสาหกรรมน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งโรงงานแปรรูปน้ำมันใหญ่สุดของโลกด้วย ซึ่งนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าว่า อิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตี แต่ก็ไม่ได้แสดงหลักฐานชัดเจนเพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหาของเขา และเขาปฏิเสธคำกล่าวอ้างของกบฏฮูตีในเยเมนที่อ้างว่า อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ ขณะที่ อิหร่านก็กล่าวหาสหรัฐว่า “ลวงโลก” และนายจาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวว่า การตราหน้าอิหร่าน จะไม่หยุดความหายนะในเยเมน

เยเมนตกอยู่ในสงครามตั้งแต่ปี 2558 เมื่อประธานาธิบดีอับเดอรับบูห์ มานซูร์ ฮาดี ของเยเมน ถูกกบฏฮูตีขับไล่ให้หลบหนีจากกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน ขณะที่ ซาอุดีอาระเบียสนับสนุนประธานาธิบดีฮาดี และนำกองกำลังพันธมิตรอาหรับ โจมตีกบฏฮูตีในเยเมน ก่อนหน้านี้ สหรัฐเคยกล่าวหาอิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีแหล่งน้ำมันในภูมิภาคหลายครั้งในปีนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้น หลังการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ ในการคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง ภายหลังการถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน